รหัสโครงการ : | R000000594 |
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) : | การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว วิถีชุมชนบ้านคลองคาง จังหวัดนครสวรรค์ |
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) : | Development of Training Courses for Local Youth Guides to Promote the Lifestyle Tourism in Khlong khang Village, Nakhon Sawan Province |
คำสำคัญของโครงการ(Keyword) : | หลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่น, การท่องเที่ยววิถีชุมชน, ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ : | คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ > สาขาวิชาภาษาต่างประเทศ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย |
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย : | - |
ประเภทโครงการ : | โครงการวิจัยใหม่ |
สถานะของโครงการ : | propersal |
งบประมาณที่เสนอขอ : | 50000 |
งบประมาณทั้งโครงการ : | 50,000.00 บาท |
วันเริ่มต้นโครงการ : | 10 ธันวาคม 2562 |
วันสิ้นสุดโครงการ : | 11 ธันวาคม 2563 |
ประเภทของโครงการ : | การวิจัยและพัฒนา |
กลุ่มสาขาวิชาการ : | มนุษยศาสตร์ |
สาขาวิชาการ : | สาขาการศึกษา |
กลุ่มวิชาการ : | อื่นๆ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | ระดับนานาชาติ |
สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ : | สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ |
สร้างความร่วมมือประหว่างประเทศ GMS : | ไม่สร้างความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างประเทศ |
นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา : | นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาณภาพการศึกษา |
เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต : | ไม่เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต |
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : | ความสาคัญและความเป็นมา
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก อีกทั้งภาษาอังกฤษยังมีบทบาทที่สาคัญ
มากในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการศึกษา ด้านการแพทย์ ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ด้านการติดต่อสื่อสาร เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ได้รับการยอมรับให้เป็นภาษาสากล (International
Language) ที่ใช้ในการสื่อสารระดับนานาชาติ นอกจากนี้องค์กรทั้งในประเทศไทยหรือต่างประเทศ ได้นา
ภาษาอังกฤษมาเป็นตัวกาหนดคุณสมบัติที่จะรับพนักงานเข้าทางาน ดังนั้นผู้ที่มีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษใน
ระดับที่ดี จะมีโอกาสถูกจ้างงานมากกว่าคนทั่วไป หรือมีโอกาสที่จะได้รับเงินเดือน หรืออัตราค่าจ้างที่สูงกว่า
จึงส่งผลให้ผู้คนส่วนใหญ่พยายามที่จะเรียนรู้หรือฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษเพื่อให้ตนเองสามารถใช้
ภาษาอังกฤษในการในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ระบุถึงความสาคัญของภาษาต่างประเทศว่าการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมี
ความสาคัญและจาเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจาวัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือสาคัญในการติดต่อสื่อสาร การศึกษา
การแสวงหาความรู้ และการประกอบอาชีพ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, น. 10)
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันว่าการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนไทยนั้น ผู้เรียนยังไม่
สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้อาจจะมาจากหลายสาเหตุ เช่น จานวนผู้เรียนในแต่
ละชั้นเรียนมีมากเกินไป อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวัน มีโอกาสและความจาเป็นใน
การใช้ภาษาอังกฤษติดต่อกับชาวต่างชาติน้อย รวมถึงขาดความกล้าแสดงออก อีกทั้งการสอนภาษาอังกฤษใน
โรงเรียนส่วนใหญ่เน้นโครงสร้างทางไวยากรณ์ ไม่เน้นทักษะการสื่อสารในชีวิตประจาวัน เช่น การทักทาย การ
บอกเส้นทาง การซื้อของ เป็นต้น ซึ่งสาเหตุดังกล่าวนี้ อาจส่งผลให้นักเรียนไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการ
สื่อสารขั้นพื้นฐานได้
ในปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นอุตสาหกรรมที่ทารายได้หลักให้กับประเทศ และ
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีแนวโน้มในการเติบโตที่สูงขึ้น สาหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
องค์ประกอบที่สาคัญที่จะขาดไม่ได้คือมัคคุเทศก์ เนื่องจากมัคคุเทศก์เป็นผู้ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวมากที่สุด
และเป็นผู้ทีจะทาให้นักท่องเที่ยเกิดความประทับใจต่อการท่องเที่ยวได้ การท่องเที่ยวของประเทศหรือชุมชน
นั้นก็ย่อมดีด้วย เพราะนักท่องเที่ยวจะมีความรู้สึกประทับใจและมีความพึงพอใจในการท่องเที่ยวในท้องถิ่นนั้น
ๆ จะเห็นได้ว่ามัคคุเทศก์มีความสาคัญต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา การ
ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ส่งเสริมแผนการตลาดของการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด “ปีท่องเที่ยววิถีไทย”
(2015 Discovery Thainess Year) ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง โดยเน้นรูปแบบ
2
การท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตของชุมชน (อมรรัตน์ จิรันดร, 2563) เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีการดาเนินชีวิตของ
ชาวบ้านในชุมชน อันจะส่งผลต่อการสร้างอาชีพและรายได้ในชุมชนนั้น ๆ
ความสาคัญในการผลิตบุคลากรทางการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการท่องเที่ยวชุมชนโดยชุมชน นั่นก็คือ
มัคคุเทศก์ท้องถิ่น ที่ทาหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยการให้คาแนะนา ข้อมูลด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น สร้าง
ความเข้าใจในประวัติความเป็นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมัคคุเทศก์เป็นบุคคลในท้องถิ่นแล้ว จะมีความเข้าใจ
ในบริบทชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ จึงกล่าวได้ว่าเยาวชนในชุมชนนั้น เป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะสามารถพัฒนาใ ห้
เป็นยุวมัคคุเทศก์ท้องถิ่น เพื่อจะได้นาความรู้ไปใช้ในการสร้างงาน และรายได้พิเศษ อีกทั้งยังเป็นการปลูก
จิตสานึกรักท้องถิ่นของตน อันจะเป็นประโยชน์กับชุมชน และเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้
ความสามารถ และได้รับการฝึก ปฏิบัติทักษะเฉพาะด้านในการเป็นยุวมัคคุเทศก์เพื่อการอนุรักษ์วัฒนธรรม
ประเพณีท้องถิ่น และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้ศึกษาประวัติหรือเรื่องราวในท้องถิ่น ตลอดจนวัฒนธรรม
ประเพณี สถานที่ท่องเที่ยวของชุมชน
ชุมชนวัดคลองคางตั้งอยู่ หมู่ที่ 3 ตาบลบึงเสนาท อาเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ พื้นที่ตั้งชุมชนเป็นที่
ราบลุ่มอยู่ริมแม่น้าปิง ชาวบ้านส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกร บ้านคลองคางมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สาคัญ
ได้แก่ ตลาดท่าเรือคลองคางซึ่งเป็นตลาดวิถีชุมชนชาวบ้าน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอาชีพนวดแผนไทย (วัดคลอง
คาง) เป็นบริการนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ จะเห็นได้ว่าในชุมชนบ้านคลองคาง มีทรัพยากรทางวัฒนธรรมให้
เที่ยวชมและเรียนรู้ได้มากมาย ปัญหาของชุมชนบ้านคลองคาง คือขาดมัคคุเทศก์ที่สามารถสื่อสารและต้อนรับ
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมวิถีชีวิตเชิงวัฒนธรรมที่หลากหลายที่เป็นศักยภาพด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ
ชุมชนได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมและพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารให้กับยุวชนใน
ชุมชน รวมถึงเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนและท้องถิ่น ส่งเสริมให้ยุวชนเกิดความรักและภาคภูมิใจอันจะส่งผล
ต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
จากที่กล่าวมา คณะผู้วิจัย จึงเห็นความสาคัญของการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ที่
ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคาง และชุมชนบ้านคลองคางนั้น ยังไม่มีมัคคุเทศก์ในการต้อนรับ
นักท่องเที่ยว ดังนั้นการพัฒนาหลักสูตรภาษาอังกฤษฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว
วิถีชุมชนบ้านคลองคาง จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมรรถนะการเป็นยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่มีทักษะการใช้
ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและเพื่อการนาเที่ยวสูงขึ้น และส่งเสริมให้ชุมชนมีการสร้างรายได้จากการ
ท่องเที่ยวเพิ่มมากยิ่งขึ้น |
จุดเด่นของโครงการ : | ได้หลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่อง เที่ยววิถีชุมชนที่
ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ โครงสร้างเนื้อหา กิจกรรม สื่อและแหล่งการเรียนรู้ และการวัดและ
ประเมินผล |
วัตถุประสงค์ของโครงการ : | 1. เพื่อศึกษาบริบทและศักยภาพของท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคางอย่าง
ยั่งยืน
2. เพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลอง
คาง อาเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
3
3. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและประเมินหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการ
ท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคาง อาเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ |
ขอบเขตของโครงการ : | ขอบเขตของการวิจัย
1. การวิจัยนี้มุ่งบริบทและศักยภาพของท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคางอย่าง
ยั่งยืนใน 4 ประเด็นดังนี้ 1) ด้านท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตชุมชน 2) ด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 3) ด้านการ
ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ 4) การท่องเที่ยวเพื่อการนันทนาการ
2. การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนครอบคลุม
เนื้อหาในด้านหลักการ วัตถุประสงค์ โครงสร้างเนื้อหา กิจกรรม สื่อและแหล่งการเรียนรู้ และการวัดและ
ประเมินผล
3. กลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาและทดลองใช้หลักสูตรเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของหลักสูตร แบ่งเป็น
2 กลุ่ม ได้แก่
1) กลุ่มเป้าหมายในขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตร ได้แก่ ผู้นาชุมชน ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ตัวแทน
กลุ่มอาชีพต่าง ๆในชุมชนบ้านคลองคาง
2) กลุ่มเป้าหมายในการทดลองใช้และศึกษาประสิทธิภาพของหลักสูตร คือ ยุวชนในชุมชนบ้านคลอง
คาง ซึ่งได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนวัดคลองคาง(แดงประชานุกูล) สังกัดสานักงานเขต
พื้นที่ประถมศึกษานครสวรรค์เขต 1 |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : | ประโยชน์และความสาคัญ
1. การวิจัยครั้งนี้ทาให้ได้หลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่อง เที่ยววิถีชุมชนที่
ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ โครงสร้างเนื้อหา กิจกรรม สื่อและแหล่งการเรียนรู้ และการวัดและ
ประเมินผล
2. ยุวชนในชุมชนบ้านคลองคางได้รับการพัฒนาและส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและ
สมรรถนะการเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคางอย่างยั่งยืน
3. เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสาหรับยุวชน
มัคคุเทศก์ในชุมชนท้องถิ่นอื่น ๆ
4. ผลการวิจัยครั้งนี้สามารถนาไปตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการในระดับชาติหรือนานาชาติ ได้ |
การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ : | การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้าน
คลองคาง จังหวัดนครสวรรค์ ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อความเข้าใจในแนวคิดและ
ทฤษฎี ตลอดจนผลการวิจัยต่าง ๆ และนาเสนอสรุปเป็นประเด็นสาคัญดังนี้
1. แนวคิดการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม
1.1 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับหลักสูตร
1.2 การพัฒนาหลักสูตร
1.3 องค์ประกอบของหลักสูตร
1.4 การนาหลักสูตรไปใช้
1.5 การประเมินหลักสูตร
2. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ
2.1 ความหมายและความสาคัญของภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ
2.2 ลักษณะของภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ
2.3 ประเภทของภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ
3. แนวคิดการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
3.1 ความหมายของความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
3.2 วิธีการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
3.3 ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
3.4 การวัดและประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
4. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบประสบการณ์ (Experiential Learning Cycle
Theory) ของ Kolb
4.1 ความสาคัญของการเรียนรู้แบบประสบการณ์
4.2 ลักษณะสาคัญของการจัดการเรียนรู้แบบประสบการณ์
4.3 การประยุกต์ใช้การจัดการเรียนรู้แบบประสบการณ์
5. แนวคิดการพัฒนาสมรรถนะมัคคุเทศก์
5.1 บทบาทของยุวชนมัคคุเทศก์
5.2 การพัฒนาศักยภาพมัคคุเทศก์
6. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง |
ทฤษฎี สมมุติฐาน กรอบแนวความคิด : | ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน
- การท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตชุมชน
- การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
-การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
การพัฒนาศักยภาพยุวชนมัคคุเทศก์
- ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ
- ทักษะการนาเสนอโดยใช้ภาษาอังกฤษ
- ทักษะการคิดและการแก้ปัญหา |
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล : | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการ
ท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคางจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อศึกษาบริบทและศักยภาพ
ของท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคางอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ใช้
ฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคาง เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและ
ประเมินหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคาง การ
ดาเนินการวิจัยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ใช้วิธีการเก็บข้อมูลแบบ
ผสานวิธี (Mixed Method) กล่าวคือใช้วิธีเชิงคุณภาพ (Qualitative Method) และวิธีเชิงปริมาณ
(Quantitative Method) ซึ่งมีรายละเอียดของการดาเนินการวิจัย 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาบริบทและศักยภาพของท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลอง
คางอย่างยั่งยืน
การดาเนินงานในขั้นตอนนี้เป็นการศึกษาค้นคว้าเอกสาร งานวิจัย และการสัมภาษณ์กลุ่ม(Group
Interview) ผู้บริหารการศึกษา ครู ผู้นาชุมชน และตัวแทนกลุ่มอาชีพเกี่ยวกับบริบทและศักยภาพของชุมชน
เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตร และสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชนและ
ตัวแทนกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในชุมชนเกี่ยวกับเนื้อหาและกิจกรรมในหลักสูตร จากนั้นสังเคราะห์ข้อมูลการศึกษา
บริบทและความต้องการเพื่อกาหนดเป็นกรอบเนื้อหาของหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ที่ส่งเสริมการ
ท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคาง มีรายละเอียดการดาเนินการวิจัยดังนี้
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรในการวิจัย ได้แก่ ผู้นาชุมชน ผู้บริหารสถานศึกษา เจ้าอาวาสวัด ครู และตัวแทนกลุ่ม
อาชีพต่าง ๆ ในชุมชนบ้านคลองคาง อาเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยแบ่งเป็น 2 กลุ่มตามลักษณะการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้
1. กลุ่มตัวอย่างในการสัมภาษณ์กลุ่ม(Group Interview) ได้แก่ ผู้นาชุมชน ผู้บริหารสถานศึกษา
เจ้าอาวาสวัด ครู และตัวแทนกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในชุมชนบ้านคลองคาง อาเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
จานวน 19 คน ซึ่งได้จากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยมีเกณฑ์การพิจารณาจากผู้ที่มีส่วนร่วมและมีบทบาทสาคัญเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆของชุมชนในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการพัฒนา
อาชีพในชุมชน
2. กลุ่มตัวอย่างในการสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการเกี่ยวกับเนื้อหาในหลักสูตร ได้แก่ ครู
ผู้ปกครอง ประชาชนและตัวแทนกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในชุมชนรวม 56 คน ซึ่งได้จากการเลือกแบบเจาะจง
(Purposive Sampling) พิจารณาจากผู้ที่มีความพร้อมและมีความยินดีในการตอบแบบสอบถามในการวิจัย
เครื่องมือและการพัฒนาเครื่องมือการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยในขั้นตอนนี้ มีจานวน 2 ฉบับ ได้แก่
1. แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างเกี่ยวกับบริบท ศักยภาพและความต้องการของชุมชน
ซึ่งมีลักษณะเป็นข้อคาถามปลายเปิด จานวน 4 ข้อ
2. แบบสอบถามข้อมูลบริบท ศักยภาพ และความต้องการของชุมชน เป็นแบบมาตราส่วน
ประมาณค่า 5 ระดับ จานวน 5 ด้าน รวม 25 ข้อ
การพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคณะผู้วิจัยได้ดาเนินการดังนี้
1. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาเครื่องมือการวิจัย และการสร้างเครื่องมือเพื่อ
ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการของชุมชน เพื่อกาหนดลักษณะ และขอบเขตประเด็นเนื้อหาในการ
พัฒนาเครื่องมือการวิจัย
2. ออกแบบและพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยตามลักษณะการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยเป็น 2
ฉบับ ดังนี้
2.1 แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างเกี่ยวกับบริบท ศักยภาพและความต้องการของชุมชน ซึ่งมี
ลักษณะเป็นข้อคาถามปลายเปิด จานวน 4 ข้อ ดังนี้
1) ท่านอยากแนะนาสถานที่สาคัญอะไรในชุมชนของท่าน เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว
2) ท่านคิดว่า จุดแข็ง หรือข้อดีของชุมชนของท่าน ที่ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวในชุมชนบ้านคลอง
คาง มี อะไรบ้าง
3) ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อการพัฒนาหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ใช้ในการฝึกอบรมยุวชน
มัคคุเทศก์เพื่อ ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคาง จังหวัดนครสวรรค์
4) ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารของนักเรียนในชุมชนบ้านคลองคาง จาเป็นต้องพัฒนา
ด้านใดเพิ่มเติมบ้าง
2.2 แบบสอบถามข้อมูลบริบท ศักยภาพ และความต้องการของชุมชน เป็นแบบมาตราส่วน
ประมาณค่า 5 ระดับ จานวน 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านทักษะทางภาษาอังกฤษ 2) ด้านหลักการมัคคุเทศก์ 3)
ด้านบริบทชุมชน 4) ด้านการนาไปประยุกต์ใช้ และ 5) ด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ รวม 25 ข้อ
3. นาเครื่องมือการวิจัยที่พัฒนาขึ้นให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาความเหมาะสมของข้อคาถาม จากนั้นนาผล
การพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ 3 คนมาคานวณหาค่าดัชนีความสอดคล้องเหมาะสมของข้อคาถาม (IOC) มีค่า
ดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.67 -1.00 (รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก ค) โดยผู้เชี่ยวชาญมีคาแนะนา
เกี่ยวกับการใช้ภาษาที่ต้องสื่อความหมายให้ชัดเจน และข้อคาถามบางข้อมีความยาวมากเกินไป รวมทั้งบางข้อ
เป็นข้อคาถามที่อาจมีความซ้าซ้อน ผู้วิจัยจึงได้ปรับปรุงตามคาแนะนาของผู้เชี่ยวชาญ
4. จัดพิมพ์เครื่องมือการวิจัยฉบับสมบูรณ์เพื่อนาไปใช้ในเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยต่อไป
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลการศึกษาบริบท ความต้องและศักยภาพของท้องถิ่นคณะผู้วิจัยดาเนินการ
ดังนี้
1. คณะผู้วิจัยติดต่อประสานงานและสร้างความเข้าใจกับผู้นาชุมชน ผู้บริหารแ ละครูในโรงเรียน
เกี่ยวกับวัตถุประสงค์และวิธีดาเนินการวิจัย และร่วมกับผู้นาชุมชนในการพิจารณาเลือกกลุ่มตัวอย่างในการ
วิจัยเพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างครอบคลุมรอบด้าน
2. ประสานขอหนังสือจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ถึงกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเพื่อขอ
ความอนุเคราะห์เก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัย โดยในการสัมภาษณ์กลุ่มผู้วิจัยได้นัดหมายและดาเนินการ
สัมภาษณ์โดยใช้สถานที่บริเวณศาลาอเนกประสงค์ของวัดคลองคาง เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562
3. ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ปกครอง ประชาชนและตัวแทนกลุ่มอาชีพโดยใช้
แบบสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการ โดยผู้วิจัยและผู้ช่วยนักวิจัยได้ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย
ตนเองในระหว่างวันที่ 8-15 มกราคม 2563
4. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถามเพื่อนาไปวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป
การวิเคราะห์ข้อมูล
1. ข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์กลุ่มใช้การสรุปเชื่อมโยงประเด็นที่มีความสอดคล้องเชื่อมกันโดยใช้การ
สรุปอุปนัย (Inductive analysis) (จุมพล หนิมพานิช, 2550 : 445) ร่วมกับการวิเคราะห์เนื้อหา (Content
Analysis) (พิชิต ฤทธิ์จรูญ, 2559: 224) เพื่อสร้างข้อสรุปโดยดาเนินการดังนี้ 1) การพิจาณาข้อมูลการวิจัยที่
ได้จากการสัมภาษณ์กลุ่ม 2) จัดกลุ่มของประเภทประเด็นที่สาคัญ 3) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของประเด็นต่างๆ
4) สรุปเชื่อมโยงประเด็นต่างๆตามคาถามหรือวัตถุประสงค์การวิจัยและนาเสนอในรูปความเรียง
2. วิเคราะห์ข้อมูลจากการสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการเกี่ยวกับเนื้อหาและกิจกรรม
ในการพัฒนาหลักสูตร โดยการหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน จากนั้นนามาแปลผลโดยเทียบกับ
เกณฑ์ ดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2546: 162)
คะแนนเฉลี่ย 4.51-5.00 หมายถึง มากที่สุด
คะแนนเฉลี่ย 3.51-4.50 หมายถึง มาก
คะแนนเฉลี่ย 2.51-3.50 หมายถึง ปานกลาง
คะแนนเฉลี่ย 1.51-2.50 หมายถึง น้อย
คะแนนเฉลี่ย 1.00-1.50 หมายถึง น้อยที่สุด
ขั้นตอนที่ 2 พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลอง
คาง
การดาเนินงานวิจัยในขั้นตอนนี้ดาเนินการโดยสังเคราะห์ข้อมูลจากศึกษาบริบทและความต้องการ
ของชุมชนเพื่อกาหนดเป็นกรอบเนื้อหาและองค์ประกอบในการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์
ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคาง โดยมีขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมดังนี้
1. ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม การส่งเสริมและพัฒนาทักษะการใ ช้
ภาษาอังกฤษโดยใช้ประสบการณ์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ
สมรรถนะและคุณลักษณะของมัคคุเทศก์ และการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม เพื่อกาหนดกรอบเนื้อหาและ
องค์ประกอบหลักสูตรของหลักสูตรฝึกอบรม
2. สังเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาเอกสารและข้อมูลจากการศึกษาบริบทและความต้องการของ
ชุมชนในการกาหนดกรอบเนื้อหาของหลักสูตร
3. ออกแบบหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลอง
คางตามองค์ประกอบ ดังนี้ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ และ
การวัดและประเมินผล โดยการกาหนดเนื้อหา สาระสาคัญ และระยะเวลาการฝึกอบรม
4. ร่างหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นตามองค์ประกอบของหลักสูตรที่ได้ออกแบบไว้
จากนั้นนาร่างหลักให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาหลักสูตร และด้านการสอนภาษาอังกฤษ จานวน 5 คน เพื่อ
ประเมินคุณภาพด้านความถูกต้องเหมาะสมขององค์ประกอบและรายละเอียดเนื้อหาในหลักสูตร (รายละเอียด
ผู้เชี่ยวชาญ ปรากฏในภาคผนวก ก ) โดยใช้แบบประเมินคุณภาพหลักสูตรแบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ
กาหนดค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 3.51 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานไม่เกิน 1.00 เป็นเกณฑ์พิจารณาว่าหลักสูตรฝึกอบรมมี
คุณภาพสามารถนาไปใช้ได้
5. นาผลการประเมินคุณภาพหลักสูตรฝึกอบรมของผู้เชี่ยวชาญมาพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรตาม
ข้อเสนอแนะก่อนนาไปทดลองใช้เพื่อพัฒนาสมรรถนะให้กับยุวชนมัคคุเทศก์ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนระดับชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนวัดคลองคาง (แดงประชานุกูล) ต่อไป
แหล่งข้อมูล
ในขั้นตอนนี้กาหนดแหล่งผู้ให้ข้อมูลการวิจัยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาหลักสูตรและด้านการ
สอนภาษาอังกฤษเพื่อประเมินคุณภาพด้านความถูกต้องเหมาะสมของหลักสูตรฝึกอบรม ซึ่งได้จากการเลือก
แบบเจาะจง (Purposive Sampling) พิจารณาจากผู้ที่มีประสบการในการท าวิจัยและการสอนใน
สถาบันอุดมศึกษาในสาขาวิชาหลักสูตรและการสอน จานวน 2 และสาขาการสอนภาษาอังกฤษ จานวน 2 คน
สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา จานวน 1 คน รวม 5 คน
เครื่องมือและการพัฒนาเครื่องมือการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยในขั้นตอนนี้มีจานวน 1 ฉบับ ได้แก่ แบบประเมิน
คุณภาพหลักสูตรด้านความถูกต้องและเหมาะสมโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5
ระดับ จานวน 6 ด้าน รวม 29 ข้อ มีค่าความเที่ยงตรง (Validity) ด้วยเทคนิค IOC เท่ากับ 0.67-1.00
การพัฒนาเครื่องมือการวิจัยคณะผู้วิจัยดาเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1. ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับการสร้างเครื่องมือการประเมินหลักสูตรจากเอกสาร ตาราและงานวิจัย
จากนั้นออกแบบเครื่องมือมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จานวน 6 ด้าน รวม 29 ข้อ
2. นาเครื่องมือการวิจัยที่พัฒนาขึ้นให้ผู้เชี่ยวชาญจานวน 3 คน พิจารณาความเหมาะสมของข้อ
คาถามโดยใช้การคานวณหาค่าดัชนีความสอดคล้องเหมาะสมของข้อคาถาม (IOC) ซึ่งข้อคาถาม มีค่าดัชนี
ความสอดคล้องระหว่าง 0.67 -1.00 (รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก ค)
3. ปรับปรุงแก้ไขตามคาแนะนาของผู้เชี่ยวชาญและนาไปใช้ในการประเมินหลักสูตรต่อไป
การเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัย
การเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยในขั้นตอนนี้ดาเนินการดังนี้
1. ติดต่อขอความอนุเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญในการประเมินคุณภาพหลักสูตรฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้น
2. ประสานขอหนังสือขอความอนุเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญในการประเมินหลักสูตรจากคณะมนุษยศาสตร์
และสังคมศาสตร์นาส่งถึงผู้เชี่ยวชาญพร้อมร่างหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์และแบบประเมินหลักสูตร
ฝึกอบรม รวมทั้งนัดหมายวันเวลาในการรับฟังข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ
3. ประสานเพื่อรับผลการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมและรับฟังข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อนามาปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรฝึกอบรมให้มีความถูกต้องสมบูรณ์ตามข้อแนะนาของผู้เชี่ยวชาญ
4. นาข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญมาปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรฝึกอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญมีข้อเสนอแนะ
เกี่ยวกับการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับเนื้อหาและจุดประสงค์ของหลักสูตร
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบประเมินคุณภาพหลักสูตรฝึกอบรมใช้การวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยและส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน และเทียบกับเกณฑ์ดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2556: 121)
4.51-5.00 มีคุณภาพในระดับมากที่สุด
3.51-4.50 มีคุณภาพในระดับมาก
2.51-3.50 มีคุณภาพในระดับปานกลาง
1.51-2.50 มีคุณภาพในระดับน้อย
1.00-1.50 มีคุณภาพในระดับน้อยที่สุด
ขั้นตอนที่ 3 ทดลองใช้และประเมินหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการ
ท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคาง อาเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
หลังจากคณะผู้วิจัยได้ปรับปรุงหลักสูตรตามคาแนะนาของผู้เชี่ยวชาญแล้ว ได้นาหลักสูตรไปทดลองใช้
กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนบ้านคลองคาง จานวน 25 คน ซึ่งเป็นยุวชนในท้องถิ่น โดยผู้วิจัย
ได้ออกแบบตามกรอบกระบวนการวิจัยเชิงทดลองเบื้องต้น (Pre-Experimental Research Design) แบบ
แผนกลุ่มเดียวทดสอบก่อน-หลัง (One Group Pretest Posttest Design) โดยการอบรมในห้องเรียนและการ
ฝึกปฏิบัติใช้ทักษะภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนวัดคลองคาง (แดงประชานุกูล) อาเภอ
เมือง จังหวัดนครสวรรค์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตรประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู
ตัวแทนกลุ่มอาชีพ ผู้ปกครอง และนักเรียน
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนวัดคลองคาง (แดงประชานุกูล) อาเภอ
เมือง จังหวัดนครสวรรค์ ที่กาลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 25 คน ได้มาโดยวิธีการ
คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยความสมัครใจ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตรประกอบด้วย ผู้บริหาร
สถานศึกษา ครู ตัวแทนกลุ่มอาชีพ ผู้ปกครอง และนักเรียน จานวน 60 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูล
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่
1. ชุดหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านคลองคาง
จานวน 40 ชั่วโมง โดยจัดทาเป็นรูปแบบเอกสารการเรียนรู้ ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ และสื่อการ
เรียนรู้ที่จัดลาดับตามความเหมาะสมของเนื้อหาในหลักสูตร
2. แบบวัดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มีลักษณะเป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก
จานวน 35 ข้อ โดยผ่านการตรวจสอบคุณภาพด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ (IOC) จานวน 3
ท่าน ระหว่าง 0.67-1.00 วิเคราะห์ค่าอานาจจาแนกรายข้อโดยวิธีการของ B-Index มีค่าอานาจจาแนก
ระหว่าง 0.23-0.65 ค่าความยาก ระหว่าง 0.44-0.78 วิเคราะห์หาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ
โดยใช้สูตรของ Lovett ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.86
3. แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้หลักสูตรโดยเป็นข้อคาถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5
ระดับ โดยแบ่งเป็น 3 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 คาถามเกี่ยวกับ
ความพึงพอใจของผู้ใช้หลักสูตร และ ตอนที่ 3 คาถามเกี่ยวกับข้อเสนอแนะอื่น ๆ
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยในขั้นตอนนี้ผู้วิจัยออกแบบตามกระบวนการวิจัยเชิงทดลองเบื้องต้น
(Pre-Experimental Research Design) แบบแผนกลุ่มเดียวทดสอบก่อน -หลัง (One Group Pretest
Posttest Design) โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ประสานการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยโดยทาหนังสือจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ถึงผู้อานวยการโรงเรียนวัดคลองคางเพื่อความอนุเคราะห์เก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัย และประสานนัดหมายวัน
เวลาในการทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรม
2. ผู้วิจัยชี้แจงทาความเข้าใจและชี้แจงวัตถุประสงค์การฝึกอบรมกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างจากนั้นให้
กลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ทาแบบวัดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
จานวน 35 ข้อเพื่อเก็บข้อมูลก่อนเรียน
3. ดาเนินการฝึกอบรมตามหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์จานวน 8 หน่วย รวมระยะเวลาใน
การทดลองใช้หลักสูตร 40 ชั่วโมง ระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึงเดือน กันยายน 2563
4. หลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรมให้กลุ่มตัวอย่างทาแบบวัดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารซึ่ง
เป็นแบบทดสอบฉบับเดียวกับก่อนการฝึกอบรม เพื่อนาไปเปรียบเทียบกับการทดสอบก่อนเรียน
5. ประเมินความพึงพอใจต่อการใช้หลักสูตรฝึกอบรมโดยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตร
ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ตัวแทนกลุ่มอาชีพ ผู้ปกครอง และนักเรียน จานวน 60 คน ตอบแบบ
ประมินความพึงพอใจต่อการใช้หลักสูตร |
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) : | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาบริบทและศักยภาพของท้องถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว
วิถีชุมชนบ้านคลองคาง 2) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมยุวชนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นฯ และ 3) ทดลองใช้และประเมิน
หลักสูตรฝึกอบรมฯ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ 1) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมัคคุเทศก์ ผู้นาชุมชน ผู้บริหาร
สถานศึกษา ครู ตัวแทนกลุ่มอาชีพ รวม19 คน โดยเลือกแบบเจาะจง 2) ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอน
ภาษาอังกฤษ จานวน 5 คน และ 3) ยุวชนท้องถิ่นซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนวัด
คลองคาง รวม 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีดังนี้ 1) แบบสอบถามข้อมูลบริบทและศักยภาพของท้องถิ่น
เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ 2) แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างเกี่ยวกับบริบท ศักยภาพและ
ความต้องการของชุมชน 3) แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม 4) แบบทดสอบวัดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเป็น
ข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก และ 5) แบบประเมินคุณภาพหลักสูตร เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เนื้อหา และการทดสอบที กรณีกลุ่ม
ตัวอย่างไม่เป็นอิสระต่อกัน
ผลการวิจัยพบว่า 1) ชุ |
จำนวนเข้าชมโครงการ : | 379 ครั้ง |