รหัสโครงการ : | R000000540 |
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) : | การสังเคราะห์งานวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ให้สอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) |
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) : | Research Synthesis Study of Nakhon Sawan Rajabhat University to Utilization for Commercial According to the Thailand 4.0 Policy |
คำสำคัญของโครงการ(Keyword) : | การวิเคราะห์, ปัจจัย, อิทธิพล, ทุนวิจัย |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ : | คณะเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม |
ลักษณะโครงการวิจัย : | โครงการวิจัยเดี่ยว |
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย : | ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย |
ประเภทโครงการ : | โครงการวิจัยใหม่ |
สถานะของโครงการ : | propersal |
งบประมาณที่เสนอขอ : | 15000 |
งบประมาณทั้งโครงการ : | 15,000.00 บาท |
วันเริ่มต้นโครงการ : | 07 พฤษภาคม 2561 |
วันสิ้นสุดโครงการ : | 06 พฤษภาคม 2562 |
ประเภทของโครงการ : | งานวิจัยพื้นฐาน(ทฤษฎี)/บริสุทธิ์ |
กลุ่มสาขาวิชาการ : | สังคมศาสตร์ |
สาขาวิชาการ : | สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ |
กลุ่มวิชาการ : | อื่นๆ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | ระดับชาติ |
สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ : | ไม่สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ |
สร้างความร่วมมือประหว่างประเทศ GMS : | ไม่สร้างความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างประเทศ |
นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา : | ไม่นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาณภาพการศึกษา |
เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต : | ไม่เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต |
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : | ในวันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศทิศทางของประเทศไทยในอนาคตของรัฐบาล เรื่อง “ประเทศไทย 4.0” ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเฉพาะกิจ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย จากการประกาศทิศทางของประเทศไทยในอนาคต ณ วันนั้นทำให้หน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและภาคเอกชนต่างตื่นตัวกับนโยบาย Thailand 4.0 พร้อมทั้งมีการดำเนินงาน การจัดโครงการต่าง ๆ เพื่อดำเนินการตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ทั้งสิ้น เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าที่ผ่านมาแม้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่เติบโตเพิ่มขึ้นแต่ก็ต้องเผชิญกับ “กับดักประเทศรายได้ปานกลาง” “กับดักความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง” และ “กับดักความไม่สมดุลในการพัฒนา” กับดักเหล่านี้เป็นประเด็นท้าทายของประเทศไทยในปัจจุบัน นำไปสู่การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อไปสู่ประเทศไทย 4.0 ซึ่งประเทศไทย 4.0 นี้เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม หรือ Value – Based โดยการนำเอาความคิดสร้างสรรค์เป็นแรงผลักดันและนำนวัตกรรมเข้ามาช่วย การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมถือเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศให้เข้าสู่ประเทศไทย 4.0 และแน่นอนว่าหนึ่งในการสร้างสรรค์นวัตกรรมนั้นมาจากองค์ความรู้ที่เกิดจากงานวิจัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานวิจัยที่สามารถนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เชิงเศรษฐกิจ หรือเชิงสังคม
ดังนั้นประเทศไทยจึงมีอยู่แค่ 2 ทางเลือก หากเราปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจได้สำเร็จ ประเทศไทยก็จะกลายเป็น “ประเทศที่มีรายได้สูง” แต่หากทำไม่สำเร็จ ก้าวข้ามกับดักเหล่านี้ไปไม่ได้ประเทศไทยก็จะตกอยู่ในภาวะที่เรียกกันว่า “ทศวรรษแห่งความว่างเปล่าไปอีกนาน” (สุวิทย์ เมษินทรีย์, 2559) ดังนั้นผู้วิจัยจึงทำการสังเคราะห์งานวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกระบวนการนำสิ่งที่มีอยู่มาใช้ให้ก่อให้เกิดประโยชน์ในการต่อยอดงานวิจัย เพื่อให้คุ้มค่ากับงบประมาณที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้การสนับสนุนและเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ที่จะสามารถนำไปสร้างนวัตกรรมอันจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมต่อไปในอนาคต พร้อมทั้งเป็นการสนับสนุนให้งานวิจัยได้มีโอกาสได้ “ขึ้นห้าง” และไม่ปล่อยงานวิจัยให้ “ขึ้นหิ้ง” เหมือนกับอดีตที่ผ่านมา
|
จุดเด่นของโครงการ : | หนึ่งในพันธกิจหลักของสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์คือ ผลิตงานวิจัยและงานสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและสังคม ซึ่งในแต่ละปีมีทุนวิจัยที่อยู่ในความรับผิดชอบของสถาบันวิจัยและพัฒนาจำนวนมาก โดยสามารถแบ่งประเภทของทุนวิจัยได้ 3 ประเภท คือ ทุนอุดหนุนวิจัยประเภทเงินงบประมาณ ทุนอุดหนุนวิจัยประเภทเงินรายได้ และทุนวิจัยจากแหล่งทุนภายนอก หนึ่งในภารกิจหลักของสถาบันวิจัยและพัฒนาคือ การจัดสรรทุนวิจัย กำกับ ติดตาม และสรุปภาพรวมการดำเนินงานวิจัย การที่สถาบันวิจัยและพัฒนาต้องบริหารจัดการทุนวิจัยจำนวนมากในแต่ละปีทำให้สถาบันวิจัยและพัฒนาได้นำระบบสารสนเทศด้านงานวิจัยมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อจัดสรรทุนวิจัย กำกับ ติดตาม และสรุปผลการดำเนินงานวิจัยจากทุนวิจัยทั้ง 3 ประเภทนี้ โดยระบบสารสนเทศด้านงานวิจัยที่สถาบันวิจัยและพัฒนาใช้ในการบริหารจัดการงานวิจัยมี 3 ระบบ ได้แก่ 1) ระบบบริหารจัดการงานวิจัยแห่งชาติ (National Research Management System : NRMS) ใช้สำหรับบริหารจัดการทุนวิจัยจากเงินงบประมาณ 2) ระบบบริหารจัดการงานวิจัยของหน่วยงาน (Department Research Management System : DRMS) ใช้สำหรับบริหารจัดการทุนวิจัยจากเงินรายได้ 3) ระบบสารสนเทศมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ (Management Information System : MIS) ใช้รวบรวมข้อมูลด้านทุนวิจัยทั้งหมดจากทุกแหล่งทุนของบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์เพื่อเป็นฐานข้อมูลด้านงานวิจัยของมหาวิทยาลัย
แม้ว่าสถาบันวิจัยและพัฒนาจะเป็นหน่วยงานนำร่องในการนำระบบสารสนเทศเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการงานวิจัยของหน่วยงานพร้อมทั้งจัดทำข้อมูลด้านงานวิจัยเข้าสู่ระบบสารสนเทศมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ (Management Information System : MIS) เพื่อเป็นฐานข้อมูลด้านงานวิจัยของมหาวิทยาลัย โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ในการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ต่อยอดในงานด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการบริการวิชาการ การวิจัย หรือการต่อยอดในเชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ากับงบประมาณที่มหาวิทยาลัยหรือแหล่งทุนต่าง ๆ ได้จัดสรรให้แก่บุคลากรของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับการสังเคราะห์งานวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ดังนั้นผู้วิจัยจึงทำการสังเคราะห์งานวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานวิจัยที่จะก่อให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์เพื่อมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่มหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็น การต่อยอดงานวิจัยเพื่อสร้างรายได้ให้กับมหาวิทยาลัย การต่อยอดงานวิจัยเพื่อให้เกิดการกระตุ้นด้านเศรษฐกิจ สังคม ของชุมชมท้องถิ่น หรือการต่อยอดงานวิจัยเพื่อให้เกิดการสร้างนวัตกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล
|
วัตถุประสงค์ของโครงการ : | 1. เพื่อสังเคราะห์งานวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้
2. เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสนับสนุนและจัดสรรทุนวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล
|
ขอบเขตของโครงการ : | 1. ขอบเขตของตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรต้น : ตัวแปรคุณลักษณะงานวิจัย 3 ด้าน ได้แก่ แนวคิดหรือทฤษฎีที่ใช้ในการวิจัย (Meta Theory) ด้านวิธีวิทยาการวิจัย (Meta Method) ด้านผลการวิจัย (Meta Data Analysis)
ตัวแปรตาม : งานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เชิงปฏิบัติ และเชิงวิชาการ
2. ขอบเขตด้านเนื้อหา
การวิจัยครั้งนี้เป็นการสังเคราะห์งานวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ โดยมีทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในครั้งนี้ได้แก่ แนวคิดทางทฤษฎีด้านการสังเคราะห์งานวิจัย แนวคิดทางทฤษฎีด้านการบริหารงานวิจัย ทฤษฎีการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย R2R (Routine to Research) แนวคิดเกี่ยวกับประเทศไทย 4.0
3.ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจที่มีการวิเคราะห์เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพผู้วิจัยได้กำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษามีดังนี้
ประชากร : งานวิจัยที่ได้รับทุนจากสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556-2560
กลุ่มตัวอย่าง : งานวิจัยที่ได้รับทุนจากสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556-2560 ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งได้โดยวิธีการคัดเลือกตามเกณฑ์ในการคัดเลือกงานวิจัยที่ผู้วิจัยกำหนดขึ้น
เกณฑ์ในการคัดเลือกงานวิจัย
1) เป็นงานวิจัยเชิงทดลองที่ผลงานวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้และเป็นงานวิจัยที่เสร็จสิ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556-2560
2) เป็นงานวิจัยที่สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์เป็นผู้จัดสรร หรือกำกับติดตามตามพันธกิจของสถาบันวิจัยและพัฒนา
4. ขอบเขตด้านระยะเวลา
ระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการครั้งนี้ 12 เดือน นับจากวันเริ่มเซ็นสัญญา
|
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : | 1.ได้งานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
2.ได้แนวทางในการสนับสนุนและจัดสรรทุนวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล
|
การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ : | ปราณี พิพัฒน์สถิตกุล (2556) ได้สังเคราะห์งานวิจัยด้านนวัตกรรมเพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน : การวิเคราะห์อภิมาน พบว่าสาขาที่ทำการศึกษามากที่สุดคือ สาขาหลักสูตรและการสอน งานวิจัยส่วนใหญ่มีจำนวนหน้าทั้งหมด 201-250 หน้า เมื่อไม่รวมภาคผนวกมีจำนวน 51-100 หน้า คุณลักษณะงานวิจัยที่มีต่อค่าขนาดอิทธิพล ได้แก่ 1) เนื้อหาสาระของงานวิจัย 2) ด้านวิธีวิทยาการวิจัยพบว่า ตัวแปรที่สามารถอธิบายความแตกต่างของค่าขนาดอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญมีทั้งหมด 9 ตัวแปร ได้แก่ ประเภทของสมมติฐาน จำนวนสมมติฐาน ระดับชั้นของกลุ่มตัวอย่าง ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง กระบวนการเลือกกลุ่มตัวอย่าง แบบแผนการวิจัยเชิงทดลอง จำนวนเครื่องมือการวิจัย ระยะเวลาในการทดลอง และประเภทสถิติที่ใช้
วิไลพร อาจมนตรี (2559) ได้สังเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการสร้างเขื่อนในประเทศไทย ผลจากการสังเคราะห์งานวิจัยพบว่า ด้านแนวคิดทฤษฎีที่ใช้ในการวิจัย มีหลายแนวคิดเช่น แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการปัญหา แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งและการเจรจาต่อรอง แนวคิดคุณภาพชีวิต แนวคิดความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น ด้านวิธีวิทยาการวิจัย พบว่า มีการใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณมากที่สุด รองลงมาเป็นการวิจัยผสมผสาน และการวิจัยเชิงคุณภาพ ข้อเสนอแนะในการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมควรมีการนำแนวคิดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) และแนวคิดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน (Public Participation Principle) มาประยุกต์ใช้ให้มากขึ้น
สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล และสมยศ อวเกียรติ (2559) ได้วิจัยเรื่องตัวแบบปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในประเทศไทย ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลในการบริหารงานวิจัย 4 ตัวแปร คือ เทคโนโลยีสารสนเทศ บรรยากาศองค์การ นโยบายด้านการวิจัย และความพึงพอใจในงาน โดยปัจจัยที่อยู่ในตัวแบบสามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรได้ร้อยละ 83 (R 2 = .83) ส่วนผลการวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่าปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาเอกชนสอดคล้องกับผลการวิจัยเชิงปริมาณทุกประเด็น ยกเว้น ประเด็นนโยบาย การวิจัยที่พบว่าสถาบันอุดมศึกษาเอกชนยังมีความไม่ชัดเจนในการกำหนดนโยบายและการดำเนินงานตามนโยบาย
|
ทฤษฎี สมมุติฐาน กรอบแนวความคิด : | แนวคิดทางทฤษฎีด้านการสังเคราะห์งานวิจัย
ปราณี พิพัฒน์สถิตกุล (2556 : 5) ได้นิยามการสังเคราะห์งานวิจัยว่า หมายถึง การวิจัยเอกสารประเภทผลงานวิจัยโดยใช้ระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์ ประมวลผลและนำเสนอข้อสรุปซึ่งเป็นองค์ความรู้ใหม่อย่างเป็นระบบ
แนวความคิดเกี่ยวกับปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการทำวิจัย
ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช (2551 : 11) ผู้ตั้งชื่อ R2R (Routine to Research ซึ่งแปลว่าพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย) ขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะไปหนุนให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ในระดับที่ทำงานแบบ Routine ได้เกิดความกล้า ได้มีโอกาสหรือได้รับการชื่นชมจากการที่สร้างความรู้ขึ้นมาพัฒนางานของตัวเอง คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่างานประจำก็คืองานที่มีคนกำหนดว่าให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งมักจะเรียกว่า “มาตรฐานการทำงาน” หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า SOP (Standard Operating Procedure) ในความเป็นจริงแล้วมาตรฐานไม่ได้มีไว้ให้ยึดถือ แต่มีไว้ให้ทำลายเพื่อไปสู่มาตรฐานที่ดีกว่า ฉะนั้น SOP จึงไม่ได้มีอยู่ตัวเดียว แต่มี SOP 1,2,3,… อยู่เรื่อยไป และสิ่งที่จะมาทำลาย SOP นั่นก็คือ R2R หรือการวิจัยโดยใช้งานประจำนั่นเอง R2R คือการใช้ข้อมูลและประสบการณ์จากการทำงานประจำธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไป ในการสร้างความรู้ซึ่งจะทำให้งานประจำกลายเป็นงานสร้างความรู้หรืองานวิจัย และจะทำให้งานประจำกลายเป็นงานที่มีคุณค่า ยิ่งทำงานนานก็ยิ่งมีปัญญา ยิ่งเกิดความรู้ และยิ่งมีประเด็นที่จะทำให้เกิดความภาคภูมิใจได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
|
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล : | วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล :
1) สืบค้นข้อมูลจากระบบสารสนเทศด้านงานวิจัยที่สถาบันวิจัยและพัฒนาใช้ในการบริหารจัดการ ได้แก่ ระบบบริหารจัดการงานวิจัยแห่งชาติ (National Research Management System : NRMS) ระบบบริหารจัดการงานวิจัยของหน่วยงาน (Department Research Management System : DRMS) ระบบสารสนเทศมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ (Management Information System : MIS)
2) ดาวน์โหลดรายงานวิจัยฉบับเต็ม จากฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
3) พิจารณางานวิจัยว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่คัดเลือกหรือไม่ และคัดเลือกเฉพาะที่เป็นไปตามเกณฑ์เพื่อเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่าง
1) บันทึกข้อมูลและค่าสถิติต่าง ๆ ของงานวิจัยลงในแบบบันทึกงานวิจัย
2) บันทึกข้อมูลลงในแฟ้มบันทึกข้อมูลที่จัดเตรียมไว้
|
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) : | - |
จำนวนเข้าชมโครงการ : | 364 ครั้ง |