รายละเอียดโครงการวิจัย
กลับไปหน้าโครงการวิจัยทั้งหมด

รหัสโครงการ :R000000487
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) :การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาจากไหมและซังข้าวโพดหวานสีแดง "ราชินีทับทิมสยาม"
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) :Development of tea from corn silk and corn cob of red sweet corn "Siam Ruby Queen"
คำสำคัญของโครงการ(Keyword) :ชา, ไหมข้าวโพด, ซังข้าวโพด, แอนโธไซยานิน
หน่วยงานเจ้าของโครงการ :คณะเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม > ภาควิชาเทคโนโลยีการเกษตร สาขาวิชาอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร
ลักษณะโครงการวิจัย :โครงการวิจัยเดี่ยว
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย :ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย
ประเภทโครงการ :โครงการวิจัยใหม่
สถานะของโครงการ :propersal
งบประมาณที่เสนอขอ :68110
งบประมาณทั้งโครงการ :68,110.00 บาท
วันเริ่มต้นโครงการ :11 ธันวาคม 2562
วันสิ้นสุดโครงการ :10 ธันวาคม 2563
ประเภทของโครงการ :การวิจัยและพัฒนา
กลุ่มสาขาวิชาการ :เกษตรศาสตร์
สาขาวิชาการ :ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม
กลุ่มวิชาการ :อื่นๆ
ลักษณะโครงการวิจัย :ระดับชาติ
สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ : สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์
สร้างความร่วมมือประหว่างประเทศ GMS : ไม่สร้างความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างประเทศ
นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา :ไม่นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาณภาพการศึกษา
เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต : เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต
ความสำคัญและที่มาของปัญหา :ข้าวโพดหวานสีแดง "ราชินีทับทิมสยาม" ถือเป็นข้าวโพดหวานสีแดงพันธุ์แรกของโลก ที่เกิดจากการปรับปรุงพันธุ์โดยฝีมือคนไทย ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของสีสันสวยสด รวมทั้งรสชาติที่แปลกใหม่ รสชาติหวานและมีความกรอบในตัว สามารถรับประทานสดได้โดยไม่ต้องผ่านการปรุงสุก โดยจุดเด่นของข้าวโพดหวานชนิดนี้คือมีสารที่มีประโยชน์ที่สำคัญ คือสารแอนโธไซยานินซึ่งจัดเป็นสารประกอบฟีนอล (Pedreschi and Cisneros-Zevallos, 2007) ซึ่งเป็นรงควัตถุที่สามารถพบได้ในส่วนของพืชที่มีสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดง และสีส้ม โดยมีคุณสมบัติละลายน้ำได้ ไม่เสถียร จึงสลายตัวได้ด้วยความร้อน ออกซิเจน และแสง โดยคุณสมบัติที่โดนเด่นของสารแอนโธไซยานินคือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซี นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการทำงานของเม็ดเลือดแดง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ช่วยชะลอการเกิดไขมันอุตันในหลอดเลือด ลดโอกาสเสียงต่อการเกิดมะเร็งและยับยั้งเนื้องอก ช่วยเสริมให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรคและสมานแผลได้ดี ซึ่งโดยพบสารแอนโธไซยานินได้ทั้งในซัง ไหม เปลือกหุ้มฝัก และเมล็ดของข้าวโพด ( Guo et al., 2009; Yang et al., 2010; Harakotr et al., 2014) นอกจากการจำหน่ายเพื่อรับประทานสดแล้วข้าวโพดหวานสีแดงราชินีทับทิมสยามยังถูกนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกหลายชนิด เช่น น้ำนมข้าวโพด น้ำพริกข้าวโพด ข้าวเกรียบข้าวโพด เป็นต้น (ไร่ณัฐธยาน์ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์) โดยในกระบวนการแปรรูปนี้จะมีเศษเหลือทิ้งคือ ไหมและซังข้าวโพดซึ่งอุดมไปด้วยสารแอนโธไซยานินสูง ซึ่งจากรายงานวิจัยของ รัตนา และคณะ (2557) พบว่าในซังสดของข้าวโพดสีม่วงมีสารแอนโธไซยานินมากกว่าไหมสด และเมล็ดสดของข้าวโพดสีม่วง ดังนั้นหากมีการวิจัยเพื่อนำเศษเหลือทิ้งนี้มาใช้ประโยชน์จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษเหลือทิ้ง และเป็นการลดขยะให้กับกระบวนการผลิตได้อีกด้วย งานวิจัยนี้จึงมีความสนใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาจากไหมและซังข้าวโพดหวานสีแดง "ราชินีทับทิมสยาม" ซึ่งเป็นผลพลอยได้หลังกระบวนการเก็บเกี่ยวและแปรรูปข้าวโพด โดยศึกษาผลของกระบวนการเตรียมไหมและซังข้าวโพดที่มีผลต่อปริมาณแอนโธไซยานินในผลิตภัณฑ์ชาจากไหมและซังข้าวโพด
จุดเด่นของโครงการ :เป็นการใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้หลังกระบวนการเก็บเกี่ยวและแปรรูปข้าวโพดหวานสีแดง "ราชินีทับทิมสยาม" ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะ และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับของเหลือจากกระบวนการผลิต
วัตถุประสงค์ของโครงการ :1.เพื่อศึกษากระบวนการผลิตที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์ชาไหมและซังข้าวโพด 2.เพื่อศึกษาคุณภาพด้านกายภาพ เคมี และจุลินทรีย์ ของผลิตภัณฑ์ชาจากไหมและซังข้าวโพด 3.เพื่อการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในชุมชนท้องถิ่น
ขอบเขตของโครงการ :ใช้ข้าวโพดหวานสีแดง "ราชินีทับทิมสยาม" จากไร่ณัฐธยาน์ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์
ผลที่คาดว่าจะได้รับ :1.ได้กระบวนการผลิตที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์ชาไหมและซังข้าวโพด 2.ได้ทราบคุณภาพด้านกายภาพ เคมี และจุลินทรีย์ ของผลิตภัณฑ์ชาจากไหมและซังข้าวโพด 3. ได้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ปริมาณแอนโธไซยานินสูง 4. เพิ่มมูลค่าให้กับเศษเหลือทิ้งทางการเกษตรได้
การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ :ข้าวโพดหวานสีแดง "ราชินีทับทิมสยาม" ถือเป็นข้าวโพดหวานสีแดงพันธุ์แรกของโลก ที่เกิดจากการปรับปรุงพันธุ์โดยฝีมือคนไทย ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของสีสันสวยสด รวมทั้งรสชาติที่แปลกใหม่ รสชาติหวานและมีความกรอบในตัว สามารถรับประทานสดได้โดยไม่ต้องผ่านการปรุงสุก โดยจุดเด่นของข้าวโพดหวานชนิดนี้คือมีสารที่มีประโยชน์ที่สำคัญ คือสารแอนโธไซยานินซึ่งจัดเป็นสารประกอบฟีนอล (Pedreschi and Cisneros-Zevallos, 2007) ซึ่งเป็นรงควัตถุที่สามารถพบได้ในส่วนของพืชที่มีสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดง และสีส้ม โดยมีคุณสมบัติละลายน้ำได้ ไม่เสถียร จึงสลายตัวได้ด้วยความร้อน ออกซิเจน และแสง โดยคุณสมบัติที่โดนเด่นของสารแอนโธไซยานินคือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซี นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการทำงานของเม็ดเลือดแดง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ช่วยชะลอการเกิดไขมันอุตันในหลอดเลือด ลดโอกาสเสียงต่อการเกิดมะเร็งและยับยั้งเนื้องอก ช่วยเสริมให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรคและสมานแผลได้ดี ซึ่งโดยพบสารแอนโธไซยานินได้ทั้งในซัง ไหม เปลือกหุ้มฝัก และเมล็ดของข้าวโพด ( Guo et al., 2009; Yang et al., 2010; Harakotr et al., 2014) นอกจากการจำหน่ายเพื่อรับประทานสดแล้วข้าวโพดหวานสีแดงราชินีทับทิมสยามยังถูกนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกหลายชนิด เช่น น้ำนมข้าวโพด น้ำพริกข้าวโพด ข้าวเกรียบข้าวโพด เป็นต้น (ไร่ณัฐธยาน์ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์) โดยในกระบวนการแปรรูปนี้จะมีเศษเหลือทิ้งคือ ไหมและซังข้าวโพดซึ่งอุดมไปด้วยสารแอนโธไซยานินสูง ซึ่งจากรายงานวิจัยของ รัตนา และคณะ (2557) พบว่าในซังสดของข้าวโพดสีม่วงมีสารแอนโธไซยานินมากกว่าไหมสด และเมล็ดสดของข้าวโพดสีม่วง ดังนั้นหากมีการวิจัยเพื่อนำเศษเหลือทิ้งนี้มาใช้ประโยชน์จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษเหลือทิ้ง และเป็นการลดขยะให้กับกระบวนการผลิตได้อีกด้วย
ทฤษฎี สมมุติฐาน กรอบแนวความคิด :ไหมและซังข้าวโพดหวานสีแดง "ราชินีทับทิมสยาม" มีรงควัตถุสีแดงอยู่เป็นจำนวนมาก หากนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ชาชงดื่มจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษเหลือทิ้งทางการเกษตรได้
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล :1. ศึกษาวิธีการเตรียมไหมและซังข้าวโพด โดยศึกษาชั้นความหนาของไหมข้าวโพด และศึกษาขนาดชิ้นของซังข้าวโพดเพื่อหาสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการเตรียมไหมและซังข้าวโพด 2.ศึกษาอุณหภูมิและระยะเวลาที่เหมาะสมในการผลิตชาไหมและซังข้าวโพด เพื่อหาสภาวะที่ทำให้ปริมาณสารแอนโธไซยานินถูกทำลายน้อยที่สุด โดยใช้อุณหภูมิในการอบที่แตกต่างกัน 4 ระดับอุณหภูมิ คือ อูรหภูมิิจากกระบวนการอบแบบดั้งเดิม(โดมพลังงานแสงอาทิตย์) 60 70 และ 80 องศาเซลเซียส 3.วิเคราะห์ปริมาณแอนโธไซยานินในผลิตภัณฑ์ชาจากไหมและซังข้าวโพดที่ผลิตได้ 4.ตรวจสอบคุณภาพทางกายภาพของผลิตภัณฑ์ชาจากไหมและซังข้าวโพด - วัดค่าสี L* a* และ b* โดยใช้เครื่อง Hunter Lab 5.การตรวจสอบคุณภาพทางเคมีของผลิตภัณฑ์ชาจากไหมและซังข้าวโพด - วิเคราะห์ปริมาณความชื้น โดยใช้ตู้อบลมร้อน (Hot air oven) - วิเคราะห์ปริมาณน้ำอิสระ (aw) โดยใช้เครื่อง Aqua lab รุ่น series 3TE 6. การตรวจสอบคุณภาพทางจุลินทรีย์ของผลิตภัณฑ์ชาจากไหมและซังข้าวโพด - จำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด - ยีสต์และรา
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) :-
จำนวนเข้าชมโครงการ :1357 ครั้ง
รายชื่อนักวิจัยในโครงการ
ชื่อนักวิจัยประเภทนักวิจัยบทบาทหน้าที่นักวิจัยสัดส่วนปริมาณงาน(%)
นางสาวพรพรรณ จิอู๋ บุคลากรภายในมหาวิทยาลัยหัวหน้าโครงการวิจัย100

กลับไปหน้าโครงการวิจัยทั้งหมด