รหัสโครงการ : | R000000482 |
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) : | การประยุกต์ใช้พอลิไดอะเซทติลีนรีเอเจนต์ในระบบโฟลอินเจคชันสเปกโทรโฟโตเมทริกอย่างง่ายสำหรับการวิเคราะห์ไอออนตะกั่ว |
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) : | Application of polydiacetylene reagents in simple flow injection spectrophotometric system for determination of lead ions |
คำสำคัญของโครงการ(Keyword) : | โฟลอินเจคชันอะนาไลซิส สเปกโทรโฟโตเมทริก ตะกั่ว พอลิไดอะเซทติลีน |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ : | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี > ภาควิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเคมี |
ลักษณะโครงการวิจัย : | โครงการวิจัยเดี่ยว |
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย : | ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย |
ประเภทโครงการ : | โครงการวิจัยใหม่ |
สถานะของโครงการ : | propersal |
งบประมาณที่เสนอขอ : | 67000 |
งบประมาณทั้งโครงการ : | 67,000.00 บาท |
วันเริ่มต้นโครงการ : | 11 ธันวาคม 2562 |
วันสิ้นสุดโครงการ : | 10 ธันวาคม 2563 |
ประเภทของโครงการ : | งานวิจัยพื้นฐาน(ทฤษฎี)/บริสุทธิ์ |
กลุ่มสาขาวิชาการ : | วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ |
สาขาวิชาการ : | สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช |
กลุ่มวิชาการ : | เคมีวิเคราะห์ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | ไม่ระบุ |
สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ : | ไม่สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ |
สร้างความร่วมมือประหว่างประเทศ GMS : | ไม่สร้างความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างประเทศ |
นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา : | นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาณภาพการศึกษา |
เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต : | ไม่เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต |
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : | ตะกั่วเป็นโลหะหนักที่มีความเป็นพิษและส่งผลกระทบมากต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยอาการของพิษตะกั่วจะเกิดขึ้นได้กับอวัยวะหลายระบบ เช่น ระบบประสาท สมอง หัวใจ ปอด ตับ เป็นต้น และรวมถึงอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งกับอวัยวะต่างๆได้ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อทารกในครรภ์ที่อาจทำให้เกิดภาวะแท้งได้อีกด้วย สำหรับสาเหตุการได้รับสารตะกั่วนั้นส่วนใหญ่จะมาจากการบริโภค โดยการปนเปื้อนของตะกั่วจะพบได้จากในอาหาร น้ำ เครื่องดื่มและภาชนะที่ใช้ นอกจากนี้อาจได้รับสารตะกั่วจากการสัมผัสหรือสูดดมจากที่มีอยู่ในดินและอากาศ
สำหรับวิธีการวิเคราะห์ตะกั่วในน้ำมีหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งวิธีที่นิยมใช้กันมากคือ Atomic absorption spectrophotometry (AAS) และ Inductively coupled plasma mass spectrometry (ICP-MS) ซึ่งเป็นวิธีที่ให้ผลการวิเคราะห์ที่ถูกต้องแม่นยำสูง แต่เครื่องมือมีราคาแพง ค่าใช้จ่ายการวิเคราะห์สูง และต้องมีความรู้ในการใช้งานเครื่องมือนี้ ทำให้ได้มีการพัฒนาเทคนิควิธีการอื่นๆ ในการวิเคราะห์ตะกั่ว เช่น วิธีอิเล็กโทรเคมิคอล (electrochemical method) และวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริก (spectrophotometric) ซึ่งวิธีดังกล่าวมานี้ใช้เวลาในการวิเคราะห์นาน มีหลายขั้นตอนในการวิเคราะห์ตัวอย่าง
ในการวิเคราะห์ตะกั่วโดยใช้ระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริกได้มีรายงานวิจัยที่อาศัยปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบเชิงซ้อนของตะกั่วกับรีเอเจนต์ต่างๆ เช่น 1,5-diphenylthiocarbazone, 2-(5-bromo-2-pyridylazo)-5-dimethylaminophenol, 4-(2-pyridylazo) resorcinol, iodide-ethylviolet-polyvinyl alcohol, dithizone, pyridyazo, thiazolylazo, reazurin และ arsenazo III เป็นต้น แต่ในระบบโฟลอินเจคชันนั้นยังไม่พบรายงานวิจัยใช้สารกลุ่มพอลิไดอะเซทติลีนสำหรับการตรวจวัดตะกั่ว สารกลุ่มดังกล่าวสามารถตอบสนองกับตะกั่วด้วยการเปลี่ยนสีได้อย่างชัดเจน ดังนั้นในงานวิจัยนี้จึงมีแนวคิดที่จะออกแบบระบบโฟลอินเจคชันอย่างง่ายร่วมกับเครื่องสเปกโทรโฟโตมิเตอร์ โดยอาศัยสารกลุ่มพอลิไดอะเซทติลีนเป็นรีเอเจนต์สำหรับตรวจวัดตะกั่ว ข้อดีของการนำระบบโฟลอินเจคมาใช้ในการวิเคราะห์ เพื่อเป็นการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติ สะดวก รวดเร็ว ใช้สารเคมีน้อย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และราคาถูกเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ชั้นสูง |
จุดเด่นของโครงการ : | ออกแบบระบบโฟลอินเจคชันอย่างง่ายร่วมกับเครื่องสเปกโทรโฟโตมิเตอร์ โดยอาศัยสารกลุ่มพอลิไดอะเซทติลีนเป็นรีเอเจนต์สำหรับตรวจวัดตะกั่ว เพื่อเป็นการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติ สะดวก รวดเร็ว ใช้สารเคมีน้อย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และราคาถูกเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ชั้นสูง |
วัตถุประสงค์ของโครงการ : | 1. เพื่อออกแบบระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริกในการตรวจวัดตะกั่ว
2. เพื่อประยุกต์ใช้สารกลุ่มพอลิไดอะเซทติลีนเป็นรีเอเจนต์ในระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริกในการตรวจวัดตะกั่ว
3. เพื่อนำสารกลุ่มพอลิไดอะเซทติลีนไปใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนกับโรงเรียนในชุมชน |
ขอบเขตของโครงการ : | การออกแบบระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริก ศึกษาสภาวะที่เหมาะสมของระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริก เช่น อัตราการไหลของสารละลาย ปริมาตรของรีเอเจนต์ ความยาวของท่อส่วนผสมความยาวคลื่นในการตรวจวัด ความเข้มข้นของรีเอเจนต์ ศึกษาประสิทธิภาพของเครื่องมือ เช่น ขีดจำกัดการวิเคราะห์ ช่วงการวิเคราะห์ ความไวในการวิเคราะห์ (sensitivity) และประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ตะกั่วในน้ำตัวอย่าง |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : | 1. ได้ระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริกในการตรวจวัดตะกั่ว
2. สามารถประยุกต์ใช้สารกลุ่มพอลิไดอะเซทติลีนเป็นรีเอเจนต์ในระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริกในการตรวจวัดตะกั่ว
3. สามารถนำมาบูรณาการกับการเรียนการสอนรายวิชา เคมีเครื่องมือ เคมีวิเคราะห์ และโครงการวิจัย |
การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ : | สำหรับวิธีการวิเคราะห์ตะกั่วในน้ำมีหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งวิธีที่นิยมใช้กันมากคือ Atomic absorption spectrophotometry (AAS) และ Inductively coupled plasma mass spectrometry (ICP-MS) ซึ่งเป็นวิธีที่ให้ผลการวิเคราะห์ที่ถูกต้องแม่นยำสูง แต่เครื่องมือมีราคาแพง ค่าใช้จ่ายการวิเคราะห์สูง และต้องมีความรู้ในการใช้งานเครื่องมือนี้ ทำให้ได้มีการพัฒนาเทคนิควิธีการอื่นๆ ในการวิเคราะห์ตะกั่ว เช่น วิธีอิเล็กโทรเคมิคอล (electrochemical method) และวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริก (spectrophotometric) ซึ่งวิธีดังกล่าวมานี้ใช้เวลาในการวิเคราะห์นาน มีหลายขั้นตอนในการวิเคราะห์ตัวอย่าง
ในการวิเคราะห์ตะกั่วโดยใช้ระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริกได้มีรายงานวิจัยที่อาศัยปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบเชิงซ้อนของตะกั่วกับรีเอเจนต์ต่างๆ เช่น 1,5-diphenylthiocarbazone, 2-(5-bromo-2-pyridylazo)-5-dimethylaminophenol, 4-(2-pyridylazo) resorcinol, iodide-ethylviolet-polyvinyl alcohol, dithizone, pyridyazo, thiazolylazo, reazurin และ arsenazo III เป็นต้น แต่ในระบบโฟลอินเจคชันนั้นยังไม่พบรายงานวิจัยใช้สารกลุ่มพอลิไดอะเซทติลีนสำหรับการตรวจวัดตะกั่ว สารกลุ่มดังกล่าวสามารถตอบสนองกับตะกั่วด้วยการเปลี่ยนสีได้อย่างชัดเจน ดังนั้นในงานวิจัยนี้จึงมีแนวคิดที่จะออกแบบระบบโฟลอินเจคชันอย่างง่ายร่วมกับเครื่องสเปกโทรโฟโตมิเตอร์ โดยอาศัยสารกลุ่มพอลิไดอะเซทติลีนเป็นรีเอเจนต์สำหรับตรวจวัดตะกั่ว ข้อดีของการนำระบบโฟลอินเจคมาใช้ในการวิเคราะห์ เพื่อเป็นการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติ สะดวก รวดเร็ว ใช้สารเคมีน้อย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และราคาถูกเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ชั้นสูง |
ทฤษฎี สมมุติฐาน กรอบแนวความคิด : | ถ้านำสารกลุ่มพอลิไดอะเซทติลีนเป็นรีเอเจนต์สำหรับตรวจวัดตะกั่ว ประยุกต์ใช้ร่วมกับระบบโฟลอินเจคชันนั้นจะทำให้การตรวจวิเคราะห์ตะกั่วได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีความถูกต้องมากขึ้น |
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล : | 1.ทบทวนและสืบค้นเอกสารทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ตะกั่วในน้ำด้วยระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริก
2.วางแผนและดำเนินการออกแบบระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริก
3.ศึกษาสภาวะที่เหมาะสมของระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริก เช่น อัตราการไหลของสารละลาย ปริมาตรของรีเอเจนต์ ความยาวของท่อส่วนผสมความยาวคลื่นในการตรวจวัด ความเข้มข้นของรีเอเจนต์
4.ศึกษาประสิทธิภาพของเครื่องมือ เช่น ขีดจำกัดของการตรวจวัด ค่าความถูกต้อง ค่าความแม่นยำในการวิเคราะห์ ช่วงความเข้มข้นที่ใช้ในการวิเคราะห์ และ ความไวในการวิเคราะห์ (sensitivity)
5.ประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ตะกั่วในน้ำตัวอย่าง
6.ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของระบบโฟลอินเจคชันอะนาไลซิสร่วมกับวิธีสเปกโทรโฟโตเมทริกในการตรวจวัดตะกั่วในน้ำโดยเปรียบเทียบผลวิเคราะห์กับวิธีมาตรฐานในห้องปฏิบัติการ
7.เขียนรายงานวิจัยและเผยแพร่ผลงานวิจัย |
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) : | ออกแบบระบบโฟลอินเจคชันอย่างง่ายร่วมกับเครื่องสเปกโทรโฟโตมิเตอร์ โดยอาศัยสารกลุ่มพอลิไดอะเซทติลีนเป็นรีเอเจนต์สำหรับตรวจวัดตะกั่ว เพื่อเป็นการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติ สะดวก รวดเร็ว ใช้สารเคมีน้อย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และราคาถูกเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ชั้นสูง |
จำนวนเข้าชมโครงการ : | 170 ครั้ง |