รหัสโครงการ : | R000000390 |
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) : | การศึกษาพัฒนาการใช้อาหารข้นอัดก้อนผสมสมุนไพรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในสัตว์เคี้ยวเอื้อง |
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) : | Research and Development of urea-molasses mineral block mixed herbs to increase the efficiency of production in ruminant |
คำสำคัญของโครงการ(Keyword) : | อาหารข้นอัดก้อน แพะ พยาธิ สมุนไพร สมรรถภาพการเจริญเติบโต |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ : | คณะเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม > ภาควิชาเทคโนโลยีการเกษตร สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ แขนงวิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | โครงการวิจัยเดี่ยว |
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย : | ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย |
ประเภทโครงการ : | โครงการวิจัยต่อเนื่อง |
สถานะของโครงการ : | propersal |
งบประมาณที่เสนอขอ : | 95500 |
งบประมาณทั้งโครงการ : | 95,500.00 บาท |
วันเริ่มต้นโครงการ : | 17 กุมภาพันธ์ 2555 |
วันสิ้นสุดโครงการ : | 16 กุมภาพันธ์ 2556 |
ประเภทของโครงการ : | งานวิจัยประยุกต์ |
กลุ่มสาขาวิชาการ : | เกษตรศาสตร์ |
สาขาวิชาการ : | สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา |
กลุ่มวิชาการ : | อื่นๆ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | ระดับชาติ |
สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ : | ไม่สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ |
สร้างความร่วมมือประหว่างประเทศ GMS : | ไม่สร้างความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างประเทศ |
นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา : | นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาณภาพการศึกษา |
เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต : | ไม่เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต |
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : | ปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ โค กระบือ ที่เหมือนกันคือในช่วงฤดูแล้ง จะขาดแคลนหญ้าและส่วนใหญ่จะให้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ต้นข้าวโพด เปลือกถั่ว เป็นแหล่งอาหารหยาบ เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีคุณค่าทางอาหารต่ำ ทำให้สัตว์ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเป็นผลให้สัตว์มีการเจริญเติบโตที่มีดีนัก จึงได้มีการค้นคว้าเทคโนโลยีที่ใช้แก้ไขและปรับปรุงให้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร มีคุณค่าทางโภชนะสูงขึ้นและใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เช่น การสับ การหมักด้วยยูเรีย หรือให้กินร่วมกับอาหารเสริม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีและวิธีการที่หน่วยงานราชการต่างๆได้ส่งเสริมถ่ายทอดแก่เกษตรกรอย่างแพร่หลายเพื่อใช้เลี้ยงสัตว์ในช่วงฤดูแล้ง อาหารก้อนคุณภาพสูง (UMMB) ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เกษตรกรเลือกใช้ ส่วนปัญหาในด้านสุขภาพสัตว์ที่เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะมักพบบ่อย คือ ปัญหาพยาธิรบกวน ปัญหาท้องเสีย วิถีการเลี้ยงเลี้ยงแพะของเกษตรกรกรส่วนใหญ่เป็นลักษณะของการเลี้ยงเพื่อเป็นรายได้เสริม มีการลงทุนที่ไม่สูง บางรายอาจเลี้ยงตามใต้ถุนบ้าน ส่วนใหญ่ไม่มีการเสริมอาหารข้น แต่จะมีการให้แร่ธาตุก้อนบ้าง ปัญหาที่เกษตรกรไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอาหารข้น และแร่ธาตุก้อนเป็นเพราะว่าเป็นการเพิ่มต้นทุน แต่อย่างไรก็ตามเกษตรกรจะมีค่าใช้จ่ายในการซื้อยาถ่ายพยาธิในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินที่สูง ดังนั้นถ้าหากมีการรวมเอาแร่ธาตุก้อนผสมกับสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการป้องกัน กำจัดพยาธิ ก็จะส่งผลให้การเจริญเติบโตของแพะสูงตามไปด้วย แร่ธาตุนับเป็นปัจจัยในการช่วยสนับสนุนขบวนการในการดำรงชีพและให้ผลผลิตของสัตว์ แม้ต้องการในปริมาณที่น้อย แต่เป็นโภชนะที่จำเป็นโดยเฉพาะในสัตว์เคี้ยวเอื้อง ซึ่งอาจได้รับไม่เพียงพอจากอาหารหยาบ กล่าวคือ ปริมาณแร่ธาตุในพืชอาหารสัตว์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของดินที่พืชเจริญเติบโต ชนิดของพืช ระยะการเจริญเติบโต ลักษณะภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Underwood, 1981) การขาดแคลนแร่ธาตุในสัตว์เคี้ยวเอื้องมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์ประกอบและโครงสร้างของดิน โดยเฉพาะปริมาณแร่ธาตุในดินและปัจจัยอื่น เช่น ระดับ pH ปริมาณความชื้น และอินทรีย์วัตถุในดิน (McDowell และคณะ, 1980 ; Ammerman and Goodrich, 1983) พื้นที่ใดขาดแร่ธาตุบางอย่างก็จะทำให้สัตว์ที่กินพืชขาดแร่ธาตุนั้น ๆ ไปด้วย ซึ่งจะแสดงออกมาได้ เช่น ผสมติดยาก ซูบผอม กระดูกอ่อน โลหิตจาง โตช้า เป็นต้น ปัจจุบันการเสริมอาหารแร่นับว่าทำได้สะดวกขึ้น ทั้งรูปผงและก้อน แต่แร่ธาตุก้อนที่นิยมใช้ปัจจุบันมีน้อยและส่วนใหญ่ยังคงซื้อของต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแพง การใช้แร่ธาตุผงซึ่งเกษตรกรสามารถผสมได้เองอย่างไม่ยุ่งยากอาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ดังนั้นจึงได้ดำเนินการศึกษาหาวิธีการเสริมแร่ธาตุผงอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ จึงทำการศึกษาทดลองในครั้งนี้ โดยศึกษาเปรียบเทียบวิธีการเสริมแร่ธาตุผงร่วมกับอาหารข้นและอาหารหยาบต่างชนิด เพื่อศึกษาสมรรถนะการผลิตตลอดจนต้นทุนการขุนแกะเพศผู้ตอน เป็นแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปศุสัตว์ นำข้อมูลที่ได้เผยแพร่ส่งเสริม และแนะนำเกษตรกรทั่วไป
การผลิตอาหารที่ปลอดภัย สมุนไพรจึงเป็นทางเลือกใหม่สำหรับ การเลี้ยงสัตว์ ใช้ทดแทนสารเคมีในการป้องกันและรักษาโรค เพื่อให้ได้เนื้อสัตว์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค นอกจากนั้น การใช้พืชสมุนไพรในการดูแลสุขภาพสัตว์ของเกษตรกรรายย่อยจะทำให้เกิดการพึ่งพาตนเอง ลดรายจ่ายการเลี้ยงสัตว์ และยังทำให้ลดการสั่งซื้อยาเคมีจากต่างประเทศ ฉะนั้นการส่งเสริมความรู้ สร้างกระบวนการ เรียนรู้ สร้างภูมิปัญญาใหม่ โดยใช้ฐานทุนที่มีอยู่ได้แก่ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติ และวัฒนธรรมของประเทศ สร้างสังคมฐานราก ให้เข้มแข็ง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน จะเป็นทางออกในมิติใหม่ภูมิปัญญาท้องถิ่น
การทดลองครั้งนี้จึงจัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้สมุนไพรร่วมกับอาหารข้นอัดก้อนและศึกษาผลของการใช้อาหารข้นอัดก้อนผสมสมุนไพรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแพะเนื้อ ซึ่งเป็นแนวทางในการนำไปใช้ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและให้คำแนะนำแก่เกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไป |
จุดเด่นของโครงการ : | - |
วัตถุประสงค์ของโครงการ : | 1. เพื่อลดการใช้ยาเคมีในการเลี้ยงสัตว์
2. เพื่อทดสอบการใช้สมุนไพรในสัตว์
3. เพื่อเพิ่มทางเลือกในการป้องกันหรือกำจัดพยาธิภายในให้แก่เกษตรกร |
ขอบเขตของโครงการ : | งานวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาคุณค่าของโภชนะของอาหารข้นอัดก้อนผสมสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการป้องกันและกำจัดพยาธิ และทำการทดสอบผลของอาหารข้นอัดก้อนผสมสมุนไพรในแพะ จากนั้นนำผลการวิจัยที่ได้นำเสนอและถ่ายทอดสู่เกษตรกร |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : | 1. ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อยาถ่ายพยาธิให้กับเกษตรกร
2. เพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกรเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น สมุนไพรในท้องถิ่น
3. เกษตรกรสามารถทำได้เอง
4. เผยแพร่ให้กับเกษตรกรที่สนใจด้วยการลงวารสารและจัดอบรม
5. สามารถพัฒนานำไปสู่การจดสิทธิบัตร
6. นำไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์
7. เป็นองค์ความรู้ในการวิจัยและพัฒนาต่อไป
|
การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ : | จากข้อมูลสถิติจำนวนแพะของกรมปศุสัตว์ ปี 2551 พบว่า การเลี้ยงแพะในประเทศไทยมีหนาแน่นในเขต ภาคกลาง คือ 158,487 ตัว คิดเป็น 42.00 % ของแพะทั้งประเทศ รองลงมาคือภาคใต้ 140,939 ตัว (กรมปศุสัตว์, 2551) โดยในเขตภาคใต้ชาวมุสลิมนิยมเลี้ยงสำหรับบริโภคเนื้อและประกอบพิธีทางศาสนา แพะส่วนใหญ่ยังคงเป็นพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งมีระบบการเลี้ยงแบบปล่อยหากินอาหารตามธรรมชาติ เช่น ทุ่งหญ้า ใบไม้ หรือแทะเล็มหญ้าในสวนผลไม้ สวนยาง ซึ่งต่างจากภาคกลางการเลี้ยงแพะในภาคกลางจะมีวัตถุประสงค์เลี้ยงเพื่อจำหน่ายมากว่าบริโภคดังนั้นลักษณะการเลี้ยงและจำนวนแพะที่เลี้ยงต่อเกษตรกร 1 คน จึงมากกว่าภาคใต้ แต่เนื่องจากพื้นที่ในภาคกลางมีพื้นการเลี้ยงไม่มากนักจึงทำให้แพะได้รับอาหารหยาบที่ไม่หลากหลายและไม่เพียงพอต่อความต้องการ จำเป็นต้องเสริมอาหารข้น สมเกียรติและคณะ (2528) รายงานว่าแพะในชนบทถูกเลี้ยงโดยระบบปล่อยแทะเล็มหญ้าและใบไม้ โดยไม่เสริมอาหารข้นเพศเมีย เมื่ออายุ 1 ปี มีน้ำหนักประมาณ 12.78-16.44 กิโลกรัม ขณะที่ Pralomkarn และคณะ (1995) รายงานว่าแพะเพศผู้หลังหย่านมที่เลี้ยงขังคอกได้รับอาหารหยาบคุณภาพต่ำและได้รับอาหารข้นเสริมเต็มที่ สามารถเจริญเติบโตได้ถึงวันละ 100 กรัม ในสภาวะปัจจุบันที่ปลาป่นและกากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารโปรตีนหลักมีราคาสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ทางเลือกหนึ่งสำหรับเกษตรกร คือ การนำเอาใบพืชอาหารสัตว์ซึ่งได้แก่ใบพืชตระกูลถั่วชนิดต่างๆ หรือใบพืชอื่นๆ ที่เป็นเศษเหลือทางการเกษตรมาใช้เป็นอาหารแพะ เนื่องจากใบพืชอาหารสัตว์เหล่านี้มีโปรตีนสูงเฉลี่ยประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ (นพวรรณ, 2541) สามารถใช้เป็นแหล่งอาหารเสริมโปรตีนได้อย่างดี ช่วยเพิ่มการสร้าง microbial protein โดยเฉพาะในแบคทีเรียพวกที่ย่อยเซลลูโลส (Hungate, 1966) ที่สำคัญคือเกษตรกรสามารถปลูกไว้ใช้เอง จึงเหมาะที่จะนำไปใช้เลี้ยงแพะเพื่อลดต้นทุนค่าอาหาร
นอกจากนี้ยังได้มีการค้นคว้าหาเทคโนโลยีที่สะดวกและง่ายต่อการจัดการสำหรับเกษตรกรที่ใช้อาหารหยาบคุณภาพต่ำเลี้ยงโค กระบือ แพะ เช่น การใช้ยูเรีย-กากน้ำตาล-แร่ธาตุอัดก้อน (Urea-Molasses-Mineral Block, UMMB) เป็นอาหารเสริมให้แก่สัตว์เคี้ยวเอื้อง ซึ่งสัตว์จะได้รับไนโตรเจนจากยูเรีย และ Soluble carbohydrate จากกากน้ำตาล นอกจากนั้นยังได้รับแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นจาก UMMB ด้วย ซึ่ง UMMB จะไม่มีผลต่อความเป็นกรด-ด่างในกระเพาะรูเมน แต่จะช่วยให้มีปริมาณแอมโมเนียไนโตรเจนซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์ในกระเพาะรูเมนเพิ่มขึ้น (พิมพาพร และคณะ, 2536) ทำให้จุลินทรีย์สามารถเพิ่มจำนวนได้มากขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพการย่อยอาหารในกระเพาะรูเมนดีขึ้นด้วย ดังนั้น UMMB จึงมีความเหมาะสมที่จะใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับสัตว์ที่ได้รับอาหารหยาบคุณภาพต่ำในช่วงแล้งได้ดี และการอัดอาหารให้เป็นก้อนมีผลทำให้สัตว์สามารถใช้ประโยชน์จากอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสัตว์ต้องเลียกินอย่างช้าๆทำให้ได้รับอาหารเสริมทีละน้อยและสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังสะดวกในการใช้และประหยัดแรงงานในการให้อาหารจึงน่าจะเหมาะสมสำหรับเกษตรกร
ปัญหาอีกประการสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะคือ ปัญหาโรคพยาธิในแพะ พยาธิมีผลกระทบต่อการผลิตแพะทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งพบว่าพยาธิภายในเป็นตัวก่อปัญหากับการเลี้ยงมากกว่าพยาธิภายนอก ถ้าแพะมีพยาธิภายในจำนวนมากจะทำให้เกิดโรคเฉียบพลันมีความรุนแรงถึงตายได้ แต่ถ้าได้รับในปริมาณน้อยจะไม่ถึงตาย แต่ทำให้ผลผลิตลดลง เช่น เนื้อ นม นอกจากนี้ทำให้แพะอ่อนแอ เป็นโรคอื่นๆ ได้ง่าย ทำให้เกษตรกรสูญเสียรายได้จากผลผลิตที่ลดลงและเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายในการซื้อยาถ่ายพยาธิด้วยมีแนวโน้นว่าพยาธิจะมีการดื้อยาขึ้น การใช้ยาจึงต้องไม่ใช้ยาชนิดเดียวกันทั้งปี พยาธิภายในแพะมีหลายชนิดด้วยกัน เกิดกับแพะทุกภาคที่เลี้ยงแพะ โดยเฉพาะในเขต เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น พยาธิตัวกลม พยาธิตัวตืด และพยาธิตัวแบน
|
ทฤษฎี สมมุติฐาน กรอบแนวความคิด : | การศึกษาสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการป้องกันและกำจัดพยาธิหลายชนิด หากนำสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการป้องกันและกำจัดพยาธิมาผสมอาหารข้นอัดก้อน คาดว่าน่าจะช่วยในการกำจัดพยาธิได้ และคามว่าจะได้ผลดีกว่ากลุ่มที่ไม่ใช้สมุนไพร
|
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล : | กิจกรรมที่ 1 การศึกษาคุณค่าทางโภชนะของอาหารข้นอัดก้อนผสมสมุนไพร
ทำการศึกษาสูตรอาหารข้นอัดก้อน + สมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณในการป้องกันและกำจัดพยาธิ
สูตรที่ 1 อาหารข้นอัดก้อน (UMMB)
สูตรที่ 2 อาหารก้อนคุณภาพสูง + มะเกลือ
สูตรที่ 3 อาหารก้อนคุณภาพสูง + เมล็ดมะขาม
สูตรที่ 4 อาหารก้อนคุณภาพสูง + สะแกนา
จากนั้นนำ UMMB + สมุนไพรทุกสูตรมาวิเคราะห์หาส่วนประกอบทางเคมี ความชื้น โปรตีน ไขมัน เยื่อใย เถ้า แคลเซียม และฟอสฟอรัสรวม ตามวิธีที่แนะนำใน AOAC (1989)
กิจกรรมที่ 2 ผลของการใช้อาหารข้นอัดก้อนผสมสมุนไพรในแพะรุ่น
อุปกรณ์และวิธีการ
สัตว์ทดลอง
ใช้แผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block โดยใช้แพะอย่านมพันธุ์ลูกผสมพื้นเมือง + แองโกลนูเบียน อายุประมาณ 4 เดือน น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 12 กิโลกรัม จำนวน 20 ตัวแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มประกอบด้วยแพะเพศผู้ 2 เพศเมีย 2 รวม 4 ตัว เลี้ยงในคอกยกพื้น
กลุ่มที่ 1 ไม่เสริม อาหารข้นอัดก้อน
กลุ่มที่ 2 เสริมอาหารข้นอัดก้อน (UMMB)
กลุ่มที่ 3 เสริมอาหารข้นอัดก้อนผสม + มะเกลือ
กลุ่มที่ 4 เสริมอาหารข้นอัดก้อนผสม + เมล็ดมะขาม
กลุ่มที่ 5 เสริมอาหารข้นอัดก้อนผสม + สะแกนา
ก่อนเข้าทดลองแพะทุกตัวได้รับการถ่ายพยาธิ นำแพะเข้าปรับสภาพกับอาหารตามกลุ่มทดลองเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ให้น้ำกินโดยอิสระ และวางอาหารข้นอัดก้อนให้สัตว์เลียกินอย่างอิสระ ให้อาหารหยาบกินเต็มที่ (อาหารหยาบตามฤดูกาล) เมื่อดำเนินการทดลองทำการบันทึกน้ำหนักก่อนและสิ้นสุด ใช้ระยะเวลาทดลองทั้งสิ้น 4 เดือน
|
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) : | เป็นโครงการวิจัยต่อเนื่อง |
จำนวนเข้าชมโครงการ : | 426 ครั้ง |