รหัสโครงการ : | R000000377 |
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) : | การพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ด้วยระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ |
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) : | The Development of the Distributions for Processed Agricultural Products in Nakhon Sawan Province by the Electronic Commerce |
คำสำคัญของโครงการ(Keyword) : | สินค้าเกษตรแปรรูป พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ : | สถาบันวิจัยและพัฒนา |
ลักษณะโครงการวิจัย : | โครงการวิจัยเดี่ยว |
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย : | ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย |
ประเภทโครงการ : | โครงการวิจัยใหม่ |
สถานะของโครงการ : | propersal |
งบประมาณที่เสนอขอ : | 243100 |
งบประมาณทั้งโครงการ : | 243,100.00 บาท |
วันเริ่มต้นโครงการ : | 30 ตุลาคม 2560 |
วันสิ้นสุดโครงการ : | 29 ตุลาคม 2561 |
ประเภทของโครงการ : | งานวิจัยประยุกต์ |
กลุ่มสาขาวิชาการ : | วิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี |
สาขาวิชาการ : | สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ |
กลุ่มวิชาการ : | อื่นๆ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | ไม่ระบุ |
สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ : | ไม่สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ |
สร้างความร่วมมือประหว่างประเทศ GMS : | ไม่สร้างความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างประเทศ |
นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา : | ไม่นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาณภาพการศึกษา |
เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต : | ไม่เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต |
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : | “สินค้าเกษตรแปรรูป” เป็นการนำผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูป เป็นการช่วยป้องกันการล้นตลาดของสินค้าเกษตร ซึ่งช่วยยกระดับราคาสินค้าเกษตร ไม่ให้ตกต่ำ และเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งนำมาแปรรูปเป็นสินค้าระดับอุตสาหกรรม ที่สามารถรับวัตถุดิบเพื่อแปรรูปเป็นสินค้าจำนวนมากได้ การแปรรูปให้ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค เป็นการส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์แปรรูปให้เป็นที่ยอมรับ และสามารถขยายตลาดการค้าออกไปสู่ต่างประเทศ จะช่วยเพิ่มพูน รายได้ให้แก่ประชาชนรากหญ้า และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี
ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำในประเทศไทยมีมาต่อเนื่อง จนทำให้ภาพการออกมาประท้วงของเกษตรกรกลายเป็นภาพชินตา และบางครั้งก็ลุกลามบานปลายไปถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อ ซึ่งที่ผ่านมามักไม่ค่อยได้รับการแก้ไขในลักษณะสร้างความยั่งยืน เน้นการแทรกแซงราคาเฉพาะหน้าเป็นหลัก การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร สามารถนำมาช่วยในการแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของเกษตรกรได้ ซึ่งเป็นการนำผลผลิตทางการเกษตรที่อยู่ในพื้นที่นำมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าของผลผลิต ช่วยเก็บรักษาผลผลิตทางการเกษตรไว้บริโภคในครัวเรือนเป็นเวลานานได้โดยไม่เน่าเสีย ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีรูปแบบและรสชาติแตกต่างจากเดิม ช่วย เพิ่มความหลากหลายให้แก่ผลผลิตทางการเกษตร ทำให้บริโภคสะดวกและง่ายขึ้น นอกจากนี้ยัง ช่วยเพิ่มช่องทางของตลาดให้มากขึ้น ตลอดจนช่วยกระจายปริมาณสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดใน ปริมาณที่สมดุล
นครสวรรค์เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ระหว่างภาคกลางและภาคเหนือจึงเป็น “ประตูสู่ภาคเหนือ” และเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญของภาคเหนือตอนล่าง และมีความสำคัญตรงที่เป็นจุดบรรจบกันของแม่น้ำสายสำคัญคือ แม่น้ำปิง วัง ยม และน่าน เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา ในบริเวณที่รู้จักกันในนาม “ปากน้ำโพ” จังหวัดนครสวรรค์มีอาณาเขตติดต่อกับ จังหวัดกำแพงเพชรและพิจิตรทางด้านทิศเหนือ ส่วนทิศตะวันออกติดกับจังหวัดเพชรบูรณ์และลพบุรี ทิศใต้ติดกับจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี และลพบุรี ส่วนทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์จัดรูปการปกครองตามลักษณะการปกครองส่วนภูมิภาคโดยแบ่งออกเป็น 15 อำเภอ 1,433 หมู่บ้าน 128 ตำบล และจัดรูปการปกครองตามลักษณะการปกครองส่วนท้องถิ่นประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาล 19 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 123 แห่ง
ในปัจจุบันสภาพแวดล้อมของการประกอบธุรกิจได้เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ แรงซื้อลดลง สินค้ามีการแข่งขันกันมากขึ้น การวางแผนการใช้เทคโนโลยีทางด้านจัดจำหน่ายสินค้าไปสู่เป้าหมายให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ทางด้านเทคโนโลยี การวางแผนการตลาด การประชาสัมพันธ์สินค้า ดังนั้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ คณะผู้วิจัยจึงมีความประสงค์ที่จะทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ด้วยระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายให้มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่สนใจได้ใช้เป็นแนวทางในศึกษาพัฒนาต่อไป |
จุดเด่นของโครงการ : | พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ |
วัตถุประสงค์ของโครงการ : | 1. เพื่อศึกษาสภาพปัญหาจากการดำเนินงานทางการตลาดของกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์
2. เพื่อพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายด้วยระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์
3. เพื่อประเมินผลเทคโนโลยีช่องทางการจัดจำหน่ายด้วยระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ |
ขอบเขตของโครงการ : | การวิจัยในครั้งนี้ เป็นการศึกษาแบบเจาะจง (purposive area) ซึ่งเป็นการศึกษากรณีเฉพาะและเฉพาะพื้นที่ คือ สินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ และคณะผู้วิจัยจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชากร 1 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูป จำนวน 50 กลุ่ม และเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูล 2 ระดับ คือ
1. ข้อมูลทุติยภูมิ เก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากเอกสารและงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
2. ข้อมูลปฐมภูมิ เก็บรวบรวมข้อมูลได้จากการสังเกตและสัมภาษณ์แบบเจาะลึก ได้แก่ ศึกษาสภาพทั่วไป การวางกลยุทธ์ทางการตลาด สภาพปัญหาทางการตลาด แนวคิดทางการตลาด การซื้อขายสินค้าด้วยระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และความเป็นไปได้ในการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : | 1. ทราบถึงสภาพปัญหาจากการดำเนินงานทางการตลาดของกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์
2. สามารถนำผลที่ได้จากการวิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ของการดำเนินงานทางการตลาดของกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ มาใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ หรือแนวทางในการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายด้วยระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์
3. สร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการทำงานของระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การตัดสินใจนำเอาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจได้มากที่สุด |
การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ : | งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ชนิกา หล้าโน (2554) ศึกษาเรื่อง การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารกองทุนหมู่บ้าน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม มีวัตถุประสงค์สองประการคือ (1) เพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารกองทุนหมู่บ้าน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม (2) เพื่อหาประสิทธิภาพระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารกองทุนหมู่บ้าน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยทำการศึกษาและพัฒนาจากระบบงานเดิมที่ควบคุม และบันทึกข้อมูลการปฏิบัติงานบนเอกสาร การพัฒนาโปรแกรมครั้งนี้ใช้โปรแกรม Visual Basic 6.0 เป็นเครื่องมือในการพัฒนาโปรแกรม และใช้โปรแกรม Microsoft Access 2003 เป็นฐานข้อมูล พัฒนาขึ้นมาบนระบบวินโดวส์ 2003 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 20 กองทุน กองทุนละ 3 คน รวมจำนวน 60 คน เครื่องมือที่ใช้ในการหาประสิทธิภาพของระบบคือ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่าการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารกองทุนหมู่บ้าน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม สามารถจัดการและรายงานข้อมูลสารสนเทศและการบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ดูแลระบบคณะกรรมการบริหารกองทุนหมู่บ้าน พนักงานบัญชี สามารถเพิ่ม ลบ แก้ไข สืบค้นข้อมูลและจัดทำรายงานงบการเงินได้ ผลการประเมินประสิทธิภาพโปรแกรม ได้ค่าเฉลี่ยโดยรวมเท่ากับ 4.59 มีประสิทธิภาพดีมาก แสดงให้เห็นว่าระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารกองทุนหมู่บ้าน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิริลักษณ์ ไชยวงศ์ (2552) การค้นคว้าแบบอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการกองทุนหมู่บ้านป่าพร้าวนอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้ศึกษาได้ออกแบบและพัฒนาระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน การจัดเก็บข้อมูล การกู้ยืมเงินของสมาชิก การจัดการรายได้ และค่าใช้จ่าย การจัดสรรเงินกำไร การคำนวณเงินปันผล และการออกรายงานทางบัญชี อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาการสืบค้นและการสูญหายของข้อมูลด้วย
การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการกองทุนหมู่บ้านป่าพร้าวนอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พัฒนาขึ้นบนระบบปฏิบัติการวินโดว์สเอ็กซ์พี ใช้โปรแกรมพีเอชพีในการเขียนเว็บแอพพลิเคชัน และใช้โปรแกรมมายเอสคิวเอลเป็นระบบฐานข้อมูล
ผลการประเมินการทำงานของระบบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านจำนวน 5 คน และสมาชิกกองทุนหมู่บ้านจำนวน 32 คน พบว่าค่าเฉลี่ยความพึงพอใจโดยภาพรวมต่อการใช้งานระบบอยู่ในระดับมาก ที่ค่าเฉลี่ย 3.72 นั่นคือระบบสามารถใช้งานได้จริงตรงตามวัตถุประสงค์และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี
นิพนธ์ น้ำเงินสกุลมี (2553) การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการกองทุนพัฒนาบุคลากร กรณีศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวร มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยจัดการข้อมูลกองทุนพัฒนาบุคลากร ทำให้สะดวกต่อการสืบค้น รวมถึงช่วยในการตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานเกี่ยวกองทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการดำเนินการศึกษาเริ่มจากการศึกษาขั้นตอนการทำงานเพื่อกำหนดปัญหาวิเคราะห์ปัญหา กำหนดวัตถุประสงค์ และขอบเขตระบบ ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้อง นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาระบบที่สามารถใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ บนพื้นฐานเว็บเบส เพื่อให้สามารถจัดการข้อมูลกองทุนพัฒนาบุคลากรเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาประกอบด้วย ภาษา PHP พัฒนาโปรแกรมเพื่อติดต่อกับผู้ใช้งานระบบฐานข้อมูลใช้ MySQL และ Apache ช่วยในการติดต่อฐานข้อมูลกับโปรแกรมเพื่อแสดงผลผ่านเว็บเพจ ซึ่งระบบสามารถ บันทึก เพิ่ม แก้ไข ค้นหา และสามารถสร้างรายงานได้
ผลการพัฒนาระบบ พบว่า ผู้ใช้งานระบบมีความพึงพอใจในประสิทธิภาพการใช้งานของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการกองทุนพัฒนาบุคลากร กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี สามารถลดขั้นตอนการทำงานของระบบ และสามารถใช้งานผ่านเว็บเทคโนโลยีได้สะดวก และรวดเร็ว
จิตาพัชญ์ ไชยสิทธิ์ (2558) ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าว ปลอดภัยในเขตบริการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการพัฒนาระบบ และเพื่อประเมินผล ประสิทธิภาพการใช้งานระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สําหรับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวปลอดภัยใน เขตบริการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ซึ่งทําการศึกษา และวิเคราะห์ผลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจํานวน 100 คน พบว่า กลุ่มตัวอย่างต้องการให้องค์การบริหารส่วนตําบล หรือสถานศึกษาในท้องถิ่นเป็นผู้นําเสนอสินค้า โดยให้ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นําเสนอสินค้าและขายสินค้าให้กับกลุ่มผู้ซื้อในประเทศ และ สามารถสั่งซื้อทางโทรศัพท์และผ่านทางเว็บไซต์ และสามารถส่งทางไปรษณีย์ หรือจัดส่งตามวิธีที่ผู้ซื้อ และขายตกลงกัน ส่วนการชําระค่าสินค้าให้เป็นเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีธนาคาร จากข้อมูลดังกล่าว ผู้ศึกษาได้นําผลการวิเคราะห์นี้มาพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยการพัฒนาฐานข้อมูลจาก MySQL และพัฒนา Web Application ด้วยภาษา PHP และทําประเมินความพึงพอใจการทํางาน ของโปรแกรม โดยสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างจํานวน คน 200 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม มีความพึงพอใจระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มาก |
ทฤษฎี สมมุติฐาน กรอบแนวความคิด : | วงจรการพัฒนาระบบ (ธีรวัฒน์ ประกอบผล : 2552) ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้
- ระยะวางแผนโครงการ วัตถุประสงค์คือ การกำหนดข้อสรุปความจำเป็นและแนวทางสำหรับการพัฒนาระบบ โดยทำความเข้าใจกับปัญหาพร้อมทั้งกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาจากนั้นจึงศึกษาความเป็นไปได้ของการพัฒนาระบบเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงกำหนดทางเลือกที่เหมาะสมพร้อมกำหนดแผนผังสำหรับการพัฒนาระบบ
- ระยะวิเคราะห์ระบบ วัตถุประสงค์คือ การศึกษาทำความเข้าใจกับระบบงานปัจจุบันอย่างละเอียดเพื่อกำหนดแนวทางสำหรับการออกแบบระบบ การรวบรวมความต้องการเป็นหลัก (Requirement Gathering) โดยใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลด้านความต้องการจากบุคคลที่เกี่ยวข้องและนำมาวิเคราะห์จนได้ข้อสรุปที่เป็นความต้องการที่แท้จริงที่ชัดเจน พร้อมเสนอแนวทางสำหรับการออกแบบระบบออกมาเป็นระบบใหม่ที่ตอบสนองต่อความต้องการ โดยใช้แบบจำลองในการสื่อสารความเข้าใจให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ ได้แก่ การใช้ผังงานระบบ (System Flowchart) การใช้แผนผังกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram) เป็นต้น
- ระยะออกแบบระบบ วัตถุประสงค์คือการออกแบบระบบขึ้นมาใหม่ โดยทั่วไปเป็นการกำหนดองค์ประกอบและกระบวนการต่าง ๆ ของระบบที่สอดคล้องกับความต้องการที่ได้วิเคราะห์มาแล้วให้มีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่ระบบนี้ทำงาน และอยู่ในขอบเขตที่กำหนด ได้แก่ การกำหนดวิธีการนำข้อมูลเข้าไปในระบบ การประมวลผลข้อมูลในระบบ การแสดงผลลัพธ์การทำงาน การประมวลผลข้อมูลในระบบ การแสดงผลลัพธ์การทำงานของแต่ละขั้นตอนของระบบ ทั้งผลลัพธ์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือการพิมพ์ออกมาทางเครื่องพิมพ์ในรูปของรายงานหรือเอกสาร การออกแบบส่วนประสานกับผู้ใช้ (User Interface)
- ระยะการนำระบบไปใช้ วัตถุประสงค์ การทำให้ระบบที่ออกแบบใหม่นั้นเกิดขึ้นจริง หรือการนำพิมพ์เขียวที่ออกแบบไว้มาทำให้เป็นผลในรูปธรรม โดยการสร้างขึ้นมาทดสอบการทำงาน และนำไปติดตั้งใช้งาน และประเมินผลว่าระบบนั้นตรงกับความต้องการที่แท้จริง
แนวคิดเรื่องระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce Systems)
- แนวคิดเกี่ยวกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในปัจจุบันองค์การต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจหรือเอกชน ล้วนแต่นิยมนำระบบสารสนเทศ (Information System) หรือ IS เข้ามาเป็นเครื่องมือสนับสนุนด้านการจัดการเชิงกลยุทธ์ (Strategic Management) เพื่อปรับปรุงการทำงานขององค์การให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทุกๆ ด้าน ทำ ให้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือ IT กลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจและการขับดันกลยุทธ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce) หรืออีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) เป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจหรือองค์การ ในเรื่องของความทันสมัยและเป็นโอกาสที่จะทำให้สินค้าหรือบริการเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เพราะสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้เร็วและเสียเวลาน้อย พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นเครื่องมือและกลยุทธ์หนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้องค์การมีความได้เปรียบคู่แข่ง แต่การตัดสินใจใช้งานพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะต้องเกิดความเข้าใจถึงพื้นฐานเทคโนโลยีและศักยภาพ มิใช่แค่การตัดสินใจตามกระแสเท่านั้น
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce) หรือ อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) เป็นชื่อที่ถูกตั้งโดยสำนักงาน ECAPMO (Electronic Commerce Acquisition Program Management Office) เป็นการรวมตัวของหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การประสานงานของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อการวางกรอบยุทธศาสตร์ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ โดย ECAPMO ได้ระบุความหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ว่า เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยในคำจำกัดความนี้มีคำสำคัญอยู่ 2 คำที่เป็นหัวใจของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์คือ "แลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกิจ" และ "ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์" ถ้าจะกล่าวกันสั้นๆ ก็คือการทำ ”การค้า”ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ นั่นเอง โดยคำว่าสื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นจะครอบคลุมตั้งแต่ ระดับเทคโนโลยีพื้นฐาน อาทิ โทรศัพท์ โทรสาร โทรทัศน์ ไปจนถึงเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนกว่านี้ แต่ว่าในปัจจุบันสื่อที่เป็นที่ นิยมและมีความแพร่หลายในการใช้งานคืออินเทอร์เน็ตและมีการนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการทำการค้ามาก จนทำให้เมื่อพูดถึงเรื่อง พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์คนส่วนใหญ่จะเข้าใจไปว่าคือการทำการค้าผ่านอินเทอร์เน็ตนั่นเอง นอกจากนั้นปัจจุบันอาจได้ยินอีกหลายๆ คำ อาทิ e-Business, e-Procurement, e-Readiness, e-Government ซึ่งล้วนมีความสัมพันธ์กันทั้งสิ้น ในการที่นำเอา เทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้งาน ส่วนคำว่า e-Business นั้น คือ การดำเนินกิจกรรมทาง “ธุรกิจ” ต่างๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การใช้คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและอินเทอร์เน็ต เพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจมีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของคู่ค้า และลูกค้าให้ตรงใจ และรวดเร็วและเพื่อลดต้นทุน และขยายโอกาสทางการค้า และการบริการ เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิตอลจะมีคำศัพท์ที่ได้ยินบ่อยๆ อาทิ BI=Business Intelligence: การรวบรวมข้อมูลข่าวสารด้านตลาด ข้อมูลลูกค้า และ คู่แข่งขัน EC=E-Commerce: เทคโนโลยีที่ช่วยทำให้เกิดการสั่งซื้อ การขาย การโอนเงินผ่านอินเทอร์เน็ตCRM=Customer Relationship Management: การบริหารจัดการ การบริการ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจกับทั้งสินค้า บริการ และ บริษัท – ระบบ CRM จะใช้ไอทีช่วยดำเนินงาน และ จัดเตรียมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการบริการลูกค้า SCM=Supply Chain Management: การประสาน ห่วงโซ่ทางธุรกิจ ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ ผู้ผลิต ผู้จัดส่ง ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก จนถึงมือผู้บริโภค ERP=Enterprise Resource Planning: กระบวนการของสำนักงานส่วนหลัง และ การผลิต เช่น การรับใบสั่งซื้อการจัดซื้อ การจัดการใบส่งของ การจัดสินค้าคงคลัง แผนและการจัดการการผลิต– ระบบ ERP จะช่วยให้ประบวนการดังกล่าวมีประสิทธิภาพและลดต้นทุน
- ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การจำแนกประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Classification of
E-Commerce) ได้มีผู้สนใจทำการแบ่งประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กันหลากหลาย แต่ไม่ว่าจะเป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทใดก็ตาม ก็ถือว่าเป็นองค์ประกอบพื้นฐานสำคัญอย่างหนึ่งในการดำเนินธุรกิจและเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริม และเพิ่มช่องทางให้กับธุรกิจ ซึ่งแฝงไปด้วยประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมสำหรับผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และผู้มีส่วนได้เสียอื่นในสังคม ทั้งนี้ในการทำการค้านั้นต้องประกอบด้วยอย่างน้อย 2 ฝ่ายก็คือผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายนั้นก็มีหลายๆ รูปแบบ ทำให้ผู้เขียนสามารถจัดประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ออกเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้
1) ผู้ประกอบการ กับ ผู้บริโภค (Business to Consumer - B2C) คือการค้าระหว่างผู้ค้าโดยตรงถึงลูกค้าซึ่งก็คือผู้บริโภค เช่น การขายหนังสือ ขายวีดีโอ ขายซีดีเพลงเป็นต้น
2) ผู้ประกอบการ กับ ผู้ประกอบการ (Business to Business – B2B) คือการค้าระหว่างผู้ค้ากับลูกค้าเช่นกัน แต่ในที่นี้ลูกค้าจะเป็นในรูปแบบของผู้ประกอบการ ในที่นี้จะครอบคลุมถึงเรื่อง การขายส่ง การทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain Management) เป็นต้น ซึ่งจะมีความซับซ้อนในระดับต่างๆ กันไป
3) ผู้บริโภค กับ ผู้บริโภค (Consumer to Consumer - C2C) ในเรื่องการติดต่อระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภคนั้น มีหลายรูปแบบและวัตถุประสงค์ เช่นเพื่อการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ในกลุ่มคนที่มีการบริโภคเหมือนกัน หรืออาจจะทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเอง ขายของมือสองเป็นต้น
4) ผู้ประกอบการ กับ ภาครัฐ (Business to Government – B2G) คือ การประกอบธุรกิจระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ ที่ใช้กันมากก็คือเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ หรือที่เรียกว่าe-Government Procurement ในประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว รัฐบาลจะทำการซื้อ/จัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนใหญ่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่นการประกาศจัดจ้างของภาครัฐในเว็บไซต์ www.mahadthai.com หรือการใช้งานระบบอีดีไอในพิธีการศุลกากรของกรมศุลกากร www.customs.go.th
5) ภาครัฐ กับ ประชาชน (Government to Consumer -G2C) ในที่นี้คงไม่ใช่วัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่จะเป็นเรื่องการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยเองก็มีให้บริการแล้วหลายหน่วยงาน เช่นการคำนวณและเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต, การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น เช่นข้อมูลการติดต่อการทำทะเบียนต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทย ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบว่าต้องใช้หลักฐานอะไรบ้างในการทำเรื่องนั้นๆและสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มบางอย่างจากบนเว็บไซต์ได้ด้วย ดังนั้นทำให้สามารถจัดประเภทของช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างสองฝ่าย ออกได้เป็น 3 ช่องทางคือ 1) การติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล ในที่นี้บุคคลจะหมายถึงทั้งองค์กร บริษัท และตัวบุคคล การติดต่อนั้นทำผ่านได้ทั้ง รูปแบบของโทรศัพท์ โทรสาร และอีเมล์ 2) การติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลกับระบบคอมพิวเตอร์ และระหว่างระบบคอมพิวเตอร์กับบุคคล คือ การใช้งานระบบอัตโนมัติในการติดต่อสื่อสารนั่นเอง เช่น ตู้ ATM ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ ระบบ FAX Back ระบบส่งอีเมล์อัตโนมัติ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเป็นสำคัญ และ 3) การติดต่อระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ด้วยกันเอง เป็นรูปแบบที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในการติดต่อท |
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล : | 1. ศึกษาเอกสาร งานวิจัย ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานทางการตลาดของกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ แนวคิดทางการตลาด การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า และการซื้อ-ขายสินค้าผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
2. วางแผนการดำเนินงาน ประกอบด้วย กำหนดขอบเขตของระบบ กำหนดประเด็นในการเก็บรวบรวมข้อมูล กำหนดกลุ่มเป้าหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูล วางแผนการลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูล พัฒนาเครื่องมือเพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ ดำเนินการนัดหมายและลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างที่กำหนด
3. วิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคการดำเนินงานทางการตลาด ด้วยวิธี SWOT ของกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์
4. การวิเคราะห์ระบบ ศึกษาทำความเข้าใจกับสภาพปัจจุบัน และสภาพปัญหาของการดำเนินงานทางการตลาดของกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ อย่างละเอียดเพื่อกำหนดแนวทางสำหรับการออกแบบระบบงานให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน โดยนำข้อมูลความต้องการระบบงานใหม่มาวิเคราะห์นำเสนอแนวทางสำหรับการออกแบบระบบใหม่โดยใช้แบบจำลอง ได้แก่ แผนภาพบริบท (Context Diagram) แผนภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram) แผนภาพความสัมพันธ์ของข้อมูล (E-R Diagram) ตารางข้อมูล (Data Table) และทำการบันทึกและการวิเคราะห์ข้อมูล
5. การออกแบบระบบ ตามความต้องการของผู้ใช้ เพื่อนำไปพัฒนาเป็นระบบงานใหม่ ได้แก่ การออกแบบสิ่งนำออก (Output Design) ประกอบด้วย การออกรายงานทางจอภาพ การออกรายงานทางเครื่องพิมพ์ การออกแบบสิ่งนำเข้า (Input Design) ประกอบด้วย จอภาพนำเข้าข้อมูล
6. การนำระบบไปใช้ การนำสิ่งที่ได้จากการออกแบบมาพัฒนาเป็นระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ดำเนินการทดสอบ (Testing) ดำเนินการทดสอบระบบ คณะผู้วิจัยจะเป็นผู้ทดสอบเองโดยแบ่งขั้นตอนการทดสอบออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ ทดสอบในระหว่างที่ทำการพัฒนาระบบ โดยผู้พัฒนาระบบ ซึ่งใช้ข้อมูลจำลอง และใช้เทคนิคการทดสอบแบบ Black Box Testing ทดสอบขั้นสุดท้ายเมื่อทำการพัฒนาระบบเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งใช้ข้อมูลเสมือนจริง และใช้เทคนิคการทดสอบแบบ Black Box Testing
7. ถ่ายทอดเทคโนโลยีผลการวิจัยแก่กลุ่มเป้าหมาย โดยใช้วิธีการนำเสนอผลการวิจัย “การใช้งานช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ด้วยระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูป
8. การประเมินผลระบบ ในการประเมินผลระบบคณะผู้วิจัยได้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินผลระบบ ได้แก่ ผู้ใช้งานช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 30 คน การเก็บรวบรวมข้อมูล คณะผู้วิจัยนำแบบประเมินไปแจกกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน ซึ่งคณะผู้วิจัยได้ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการศึกษา โดยทำการแจกแบบประเมินและเรียกคืนโดยคณะผู้วิจัย |
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) : | ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเกษตรแปรรูป ลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ พัฒนาระบบ เผยแพร่ระบบ ประเมินผลระบบ |
จำนวนเข้าชมโครงการ : | 909 ครั้ง |