รหัสโครงการ : | R000000372 |
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) : | การสำรวจความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ |
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) : | The need for information technology and skill online of alumni of Nakhon Sawan Rajabhat University. |
คำสำคัญของโครงการ(Keyword) : | ความต้องการ ความรู้และทักษะ และ เทคโนโลยีสารสนเทศ |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ : | คณะวิทยาการจัดการ > สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | โครงการวิจัยเดี่ยว |
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย : | ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย |
ประเภทโครงการ : | โครงการวิจัยใหม่ |
สถานะของโครงการ : | propersal |
งบประมาณที่เสนอขอ : | 30000 |
งบประมาณทั้งโครงการ : | 30,000.00 บาท |
วันเริ่มต้นโครงการ : | 01 มกราคม 2559 |
วันสิ้นสุดโครงการ : | 31 ธันวาคม 2559 |
ประเภทของโครงการ : | งานวิจัยประยุกต์ |
กลุ่มสาขาวิชาการ : | วิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี |
สาขาวิชาการ : | สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ |
กลุ่มวิชาการ : | อื่นๆ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | ระดับชาติ |
สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ : | ไม่สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ |
สร้างความร่วมมือประหว่างประเทศ GMS : | ไม่สร้างความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างประเทศ |
นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา : | นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาณภาพการศึกษา |
เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต : | ไม่เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต |
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : | การพัฒนาประเทศเพื่อก้าวสู่สังคมอุดมปัญญา ทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนานำไปสู่การเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน (Smart Thailand 2020) ตามกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะปี พ.ศ. 2554 -2563 ของประเทศไทย (ICT 2020) ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่เป็นยุคสารสนเทศ ซึ่งมนุษย์ได้เห็นความสำคัญของข้อมูล การใช้ข้อมูลการสื่อสารโทรคมนาคม และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวม สร้างสารสนเทศ และนำไปใช้สำหรับการพัฒนาองค์กรภาครัฐ และภาคธุรกิจ เพื่อกำหนดทิศทางในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และโทรคมนาคมของประเทศไทยในอีก 10 ป? ให้รองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของโลก และเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนนำกรอบนโยบายไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของหน่วยงาน
การพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เป็นอีกภารกิจหนึ่งที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จะต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้ศิษย์เก่าสามารถพัฒนาความรู้ และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหาร และจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพ โดยใช้สมรรถนะของเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเต็มรูปแบบ ตามอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ที่ว่า “บัณฑิตทำงานเป็นทีม ชำนาญเทคโนโลยี ซื่อสัตย์สุจริต
จิตสาธารณะต่อชุมชนและท้องถิ่น” และเพื่อให้สอดคล้องกับกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่อสาร ระยะปี พ.ศ. 2554-2563 ของประเทศไทย ในยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ 2 พัฒนาทุนมนุษย์ที่มีความสามารถในการพัฒนาและใช้สารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มีวิจารณญาณและรู้เท่าทัน รวมถึงพัฒนาบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มีความรู?ความสามารถและความเชี่ยวชาญ ระดับมาตรฐานสากล (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, 2554) และสอดคล้องกับวาระเร่งด่วนในปี พ.ศ. 2558 ที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เร่งดำเนินการเพื่อสร้างสรรค์สังคม ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน เพื่อตอบสนองเป้าหมายหลักคือ การพัฒนาบุคลากร โดยการเพิ่มศักยภาพบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการทั้งภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม โดยการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อสร้างให้เกิดธุรกิจ รูปแบบใหม่ และพัฒนาบุคลากรทุกภาคส่วนให้ได้รับการพัฒนาทักษะและการประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับบุคลากรขององค์การภาครัฐ และภาคธุรกิจในจังหวัดนครสวรรค์ อาจจะยังมีไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการพัฒนาบุคลากรเป็นกรรมวิธีหรือกระบวนการดำเนินการที่มุ่งเพิ่มพูนสมรรถนะในการทำงาน ทั้งความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ทักษะ ความชำนาญ ความคิด การกระทำ และทัศนคติของผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนให้เป็นไปในทางที่ดี มีความรับผิดชอบที่สูงขึ้น และนำไปปรับใช้ในสถานการณ์จริง เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุจุดมุ่งหมายของหน่วยงานหรือองค์กรได้ ดังนั้น การพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์การภาครัฐ และภาคธุรกิจในจังหวัดนครสวรรค์ให้มีประสิทธิภาพนั้น ควรมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน และให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้สามารถดำเนินการพัฒนาทักษะและความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของบุคลากรในองค์กรอย่างแท้จริง
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า การพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เป็นอีกภารกิจหนึ่งที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จะต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้ศิษย์เก่าสามารถพัฒนาความรู้ และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหาร และจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพ แต่เทคโนโลยีดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และตลอดเวลา การพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งแม้ว่าองค์การภาครัฐ และภาคธุรกิจ ในจังหวัดนครสวรรค์ จะมีการดำเนินการอยู่บ้างแล้ว แต่ก็อาจยังไม่เพียงพอ หรือไม่ตรงกับความต้องการของบุคลากร ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ รวมถึงปัญหาและอุปสรรค์ในการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ โดยทำการสำรวจ ความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับศิษย์เก่าในจังหวัดนครสวรรค์ต่อไป
|
จุดเด่นของโครงการ : | ความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
|
วัตถุประสงค์ของโครงการ : | 1. เพื่อออกแบบระบบสำรวจความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป
2. เพื่อศึกษาความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของ
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
3. เพื่อศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
|
ขอบเขตของโครงการ : | การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ดังนี้
1.ขอบเขตด้านเนื้อหา
1.1 ตัวแปรอิสระ ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และ คณะ
1.2 ตัวแปรตาม ประกอบด้วย ความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทาง
ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ ความรู้และทักษะเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กร ความรู้และทักษะด้านการใช้งานระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ความรู้และทักษะด้านการใช้งานระบบปฏิบัติการ ความรู้และทักษะการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูป และความรู้และทักษะในการใช้งานโปรแกรมเฉพาะด้าน
2. ขอบเขตด้านประชากร
กลุ่มประชากรที่ศึกษา คือ ประชากรกลุ่มตัวอย่างจากศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง คือ นับเฉพาะศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จากนั้นทำการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ จำนวน 500 คน
3. ขอบเขตด้านการพัฒนาระบบ
ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยกำหนดขอบเขตการสำรวจความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ โดยใช้ Google Form เป็นส่วนหนึ่งในบริการของกลุ่ม Google Docs ที่ช่วยให้เราสร้างแบบสอบถามออนไลน์ หรือใช้สำหรับรวบรวมข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และทำการวิเคราะห์ผลการสำรวจความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย
ราชภัฏนครสวรรค์ โดยใช้ Google Spreadsheet ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้งานได้ฟรีบนเว็บ Google มีระบบการจัดการ การบันทึก และเก็บไฟล์ประเภทตารางคำนวณ (Spreadsheet) ที่ให้ผู้ใช้สามารถเผยแพร่และเปิดโอกาสให้สมาชิกในกลุ่มหรือบุคคลอื่น ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาปรับแก้ไขเอกสาร และเข้าบัญชีการใช้ผ่านเว็บไซต์ Google ได้ ทุกเวลาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของแต่ละคนที่เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต และ
ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ เป็นต้น
4. ขอบเขตด้านระยะเวลา
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ใช้เวลาในการดำเนินงานทั้งหมด 12 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ.2559
|
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : | 1. ได้ระบบสำรวจความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
2. ทราบถึงความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
3. ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
4. สามารถนำข้อมูลที่ได้จากการวิจัยในครั้งนี้ ไปต่อยอดในการจัดโครงการบริการวิชาการ เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
|
การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ : | 1. สุวรรณี แสงกระจ่าง (2545) กล่าวใน ความต้องการพัฒนาความรู้ของข้าราชการที่ปฏิบัติงานด้านระบบสารสนเทศ กรณีศึกษา กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงอุตสาหกรรม ว่า การศึกษาเรื่องความต้องการพัฒนาความรู้ของข้าราชการที่ปฏิบัติงานด้านระบบสารสนเทศ กรณีศึกษา กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงอุตสาหกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการในการพัฒนาความรู้ด้านระบบสารสนเทศของข้าราชการทรัพยากรธรณี กระทรวงอุตสาหกรรม และเพื่อเปรียบเทียบความต้องการในการพัฒนาความรู้ของข้าราชการทรัพยากรธรณีด้านระบบสารสนเทศ จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล ใช้วิธีการศึกษาใน
เชิงสำรวจกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 251 ราย โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน T-test และ
F-test ผลการศึกษาพบว่า 1) สถานภาพส่วนตัวของข้าราชการที่ปฏิบัติงานด้านสารสนเทศในกรมทรัพยากรธรณี เป็นเพศหญิง ร้อยละ 70.1 มีอายุเฉลี่ย 31-45 ปี ร้อยละ 47.9 การศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 65.5 มีประสบการณ์ทำงานในกรมทรัพยากรธรณี 11 ปีขึ้นไป ร้อยละ 47.5 และส่วนมากเป็นข้าราชการระดับ 4-5 2) ข้าราชการในกรมทรัพยากรธรณีมีความต้องการพัฒนา ด้านความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบสารสนเทศภายในองค์กร ความรู้และความสามารถในการใช้เกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูป ความรู้และความสามารถการใช้เกี่ยวกับการใช้งานระบบปฏิบัติการ และด้านความรู้และความสามารถในการใช้เกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรมเฉพาะด้านอยู่ในระดับปานกลาง 3) สถานภาพส่วนตัวของข้าราชการในกรมทรัพยากรธรณีด้านอายุและประสบการณ์ทำงานที่ต่างกันมีความต้องการพัฒนาความรู้ด้านระบบสารสนเทศแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ส่วนสถานภาพส่วนตัวด้านเพศ ระดับการศึกษา และระดับตำแหน่งของข้าราชการในกรมทรัพยากรธรณีที่ต่างกันมีความต้องการพัฒนาความรู้ด้านระบบสารสนเทศไม่แตกต่างกัน
2. รัตนา บุญชัย (2555) กล่าวใน ปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการในการพัฒนาความรู้ทางการบัญชีของพนักงานบัญชีสหกรณ์ในจังหวัดอุทัยธานี ว่า การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการพัฒนาความรู้ทางการบัญชี ปัญหา และอุปสรรคในการพัฒนาความรู้ทาง
ด้านบัญชีของพนักงานบัญชีสหกรณ์ในจังหวัดอุทัยธานี โดยรวบรวมข้อมูลจากพนักงานบัญชีสหกรณ์ในจังหวัดอุทัยธานี จำนวน 53 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการศึกษาคือแบบสอบถาม สถิติที่ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ
t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนจำแนกทางเดียว (one-way ANOVA) นอกจากนี้ยังรวบรวมข้อมูลจากหนังสือ วารสารที่เกี่ยวข้อง สามารถสรุปผลการศึกษาได้ดังนี้ ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 86.8 เป็นเพศหญิง ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ คือร้อยละ 56.6 มีอายุระหว่าง 25-34 ปี และร้อยละ 66.0
มีการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยมีประสบการณ์ในการทำบัญชีต่ำกว่า 5 ปี ร้อยละ 56.6 ประเภทของสหกรณ์ส่วนใหญ่เป็นสหกรณ์การเกษตร ร้อยละ 69.8 โดยภาพรวมแล้ว พนักงานบัญชีสหกรณ์ในจังหวัดอุทัยธานี ส่วนใหญ่คิดว่าเรื่อง การจัดทำงบการเงินจำเป็นต่อการทำงานมากที่สุด และต้องการพัฒนาความรู้เรื่องการจัดทำงบการเงินมากที่สุด สำหรับวิธีการที่พนักงานบัญชีสหกรณ์สนใจที่จะพัฒนาความรู้ทางการบัญชี คือ การเข้ารับการอบรม สัมมนา ส่วนสาเหตุที่ต้องการพัฒนาความรู้ทางการบัญชีมากที่สุด คือ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับงานที่ทำ ส่วนปัญหาในการพัฒนาความรู้ทางการบัญชีของพนักงานบัญชีสหกรณ์นั้น พบว่า ปัจจุบันพนักงานบัญชีไม่ได้เข้ารับการอบรม สัมมนา และศึกษาต่อเท่าที่ควร ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาในเรื่องของความไม่พร้อมในเรื่องเวลา ผลการศึกษาการทดสอบปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการพัฒนาความรู้ทางการบัญชี พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ และประเภทของสหกรณ์ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อความต้องการในการพัฒนาความรู้ทางการบัญชีของพนักงานบัญชีสหกรณ์ในจังหวัดอุทัยธานีไม่แตกต่างกัน ส่วนปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ ระดับการศึกษาประสบการณ์ในการทำบัญชีที่แตกต่างกันส่งผลต่อความต้องการในการพัฒนาความรู้ทางการบัญชีของพนักงานบัญชีสหกรณ์ในจังหวัดอุทัยธานี แตกต่างกัน โดยระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อความต้องการในการพัฒนาความรู้ทางการบัญชีของพนักงานบัญชีสหกรณ์ในจังหวัดอุทัยธานีแตกต่างกัน ในด้านความรู้ทางการบัญชีที่จำเป็นต่อการทำงาน พนักงานบัญชีสหกรณ์ที่มีการศึกษาระดับระดับมัธยมปลาย/ปวช. หรือเทียบเท่ามีความต้องการแตกต่างกับ พนักงานบัญชีสหกรณ์ที่มีการศึกษาระดับระดับปริญญาตรี และพนักงานบัญชีสหกรณ์ที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีมีความต้องการแตกต่างกับพนักงานบัญชีสหกรณ์ที่มีการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านความรู้ทางการบัญชีที่ต้องการพัฒนา พนักงานบัญชีสหกรณ์ที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีมีความต้องการแตกต่างกับพนักงานบัญชีสหกรณ์ที่มีการศึกษาระดับปริญญาโท ส่วนด้านวิธีในการพัฒนาความรู้ และด้านสาเหตุของการพัฒนาความรู้ไม่แตกต่างกัน ส่วนประสบการณ์ในการทำบัญชีที่แตกต่างกันส่งผลต่อความต้องการในการพัฒนาความรู้ทางการบัญชีของพนักงานบัญชีสหกรณ์ในจังหวัดอุทัยธานีแตกต่างกัน ในด้านความรู้ทางการบัญชีที่ต้องการพัฒนาพนักงานบัญชีสหกรณ์ที่มีประสบการณ์ในการทำบัญชีต่ำกว่า 5 ปีมีความต้องการแตกต่างกับพนักงานบัญชีสหกรณ์ที่มีประสบการณ์ในการทำบัญชี 11-15 ปี และพนักงานบัญชีสหกรณ์ที่มีประสบการณ์ในการทำบัญชี 5-10 ปี มีความต้องการแตกต่างกับพนักงานบัญชีสหกรณ์ที่มีประสบการณ์ในการทำบัญชี 11-15 ปี ส่วนด้านความรู้ทางการบัญชีที่จำเป็นต่อการทำงาน ด้านวิธีในการพัฒนาความรู้ และด้านสาเหตุของการพัฒนาความรู้ไม่แตกต่างกัน
3. วรรณยา เฉลยปราชญ์และอรนุช เศวตรัตนเสถียร (2556) กล่าวใน ความต้องการกิจกรรมพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารนิเทศและการสื่อสารของบรรณารักษ์ห้องสมุดมหาวิทยาลัย ว่า การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการกิจกรรมพัฒนาบุคลากร
ด้านเทคโนโลยีสารนิเทศและการสื่อสารของบรรณารักษ์ห้องสมุดมหาวิทยาลัยในด้านเนื้อหา รูปแบบ
สื่อที่ใช้ หน่วยงานที่จัด และปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรม โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากบรรณารักษ์ห้องสมุดมหาวิทยาลัย จานวน 304 คน และได้รับแบบสอบถามกลับคืนมา จานวน 269 ชุด (ร้อยละ 88.49) ผลการศึกษา พบว่า บรรณารักษ์ห้องสมุดมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ต้องการกิจกรรมพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารนิเทศและการสื่อสาร สำหรับเนื้อหาของกิจกรรมซึ่งบรรณารักษ์จำนวนมากที่สุดต้องการในแต่ละด้านมีดังนี้ เนื้อหาเรื่องวิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ ในด้านความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารการสืบค้นฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในด้านความรู้เกี่ยวกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เนื้อหาเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบพกพาขนาดกลาง / แท็บเล็ตพีซี (เช่น iPad Notion Ink Adam Samsung Galaxy Tab และ HP TouchPad ในด้านความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ และเนื้อหาเรื่องระบบห้องสมุดอัตโนมัติในด้านความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีห้องสมุด ส่วนรูปแบบของกิจกรรมพัฒนาบุคลากรที่บรรณารักษ์จานวนมากที่สุดต้องการ คือ การฝึกอบรม ทั้งนี้ บรรณารักษ์จำนวนมากที่สุดต้องการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และต้องการให้หน่วยงานในประเทศจัดกิจกรรมพัฒนาบุคลากร สำหรับปัญหาในการเข้าร่วมกิจกรรม พบว่า บรรณารักษ์ประสบปัญหาในระดับปานกลางทั้งหมด โดยปัญหาที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ปัญหาเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมกิจกรรม
|
ทฤษฎี สมมุติฐาน กรอบแนวความคิด : | - |
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล : | ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีกระบวนการในการดำเนินการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
1. ศึกษารวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ตำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จากการค้นคว้า
หาข้อมูลตามห้องสมุด อินเตอร์เน็ต และ ผู้มีประสบการณ์ทางการวิจัย
2. สร้างแบบสอบถามสำหรับเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อศึกษาความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญหาและอุปสรรคในการความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
3. ออกแบบระบบสำรวจความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
4. พัฒนาระบบสำรวจความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
5. ทดสอบและทำการติดตั้งระบบสำรวจความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
6. ดำเนินการเก็บรวมรวมข้อมูลความต้องการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออนไลน์
ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ทำการตรวจสอบความถูกต้อง สมบูรณ์ของแบบสอบถาม และทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติและแปลผลการวิเคราะห์ข้อมูล
7. รายงานผลการวิจัย โดยจัดทำรายงานผลการวิจัยฉบับสมบูรณ์เสนอต่อคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
|
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) : | - |
จำนวนเข้าชมโครงการ : | 346 ครั้ง |