รหัสโครงการ : | R000000282 |
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) : | การพัฒนารูปแบบนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าโซ่อุปทานข้าว กลุ่ม วิสาหกิจชุมชนลุ่มแม่น้ำ เจ้าพระยา |
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) : | To develop innovative products to enhance the value chain of rice. Community enterprise Nile Chao Phraya River. |
คำสำคัญของโครงการ(Keyword) : | โซ่อุปทานข้าว ( Supply Chain of Rice) นวัตกรรมเพื/อเพิ/มมูลค่า (Innovation to value creation) |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ : | คณะเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม > ภาควิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม |
ลักษณะโครงการวิจัย : | โครงการวิจัยเดี่ยว |
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย : | ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย |
ประเภทโครงการ : | โครงการวิจัยใหม่ |
สถานะของโครงการ : | แผนงานวิจัยหรือชุดโครงการวิจัยและโครงการวิจัยที่เสร็จสิ้นแล้ว |
งบประมาณที่เสนอขอ : | 300000 |
งบประมาณทั้งโครงการ : | 300,000.00 บาท |
วันเริ่มต้นโครงการ : | 01 ตุลาคม 2557 |
วันสิ้นสุดโครงการ : | 30 กันยายน 2558 |
ประเภทของโครงการ : | งานวิจัยพื้นฐาน(ทฤษฎี)/บริสุทธิ์ |
กลุ่มสาขาวิชาการ : | เกษตรศาสตร์ |
สาขาวิชาการ : | สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย |
กลุ่มวิชาการ : | วิศวกรรมอุสาหกรรมวิจัย |
ลักษณะโครงการวิจัย : | ไม่ระบุ |
สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ : | ไม่สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ |
สร้างความร่วมมือประหว่างประเทศ GMS : | ไม่สร้างความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างประเทศ |
นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา : | ไม่นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาณภาพการศึกษา |
เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต : | ไม่เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต |
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : | ความสำคัญ ที/ทำการวิจัย สอดคล้องกับ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที/11 (พ.ศ.
2555-2559) ได้เน้นการพัฒนาตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สร้างความเข้มแข็งให้สังคม ชุมชน และ
ท้องถิ/น การเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ท/ีเกิดขึ3นได้ส่งผลกระทบต่อสังคม ชุมชน และท้องถิ/นอย่าง
มากมาย เช่น ปัญหาความยากจน และปัญหาการใช้ทรัพยากรที/เกิดจากการประกอบอาชีพ (สำนักงาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2549: 5-7) สถานการณ์การทำเกษตรกรรมใน
ปัจจุบันเน้นผลผลิตปริมาณมาก การใช้เทคโนโลยีและสารเคมีเป็นปัจจัยหลักสำคัญในกระบวนการผลิต
ความเสียหายท/ีดีต่อสภาพดิน น3ำ อากาศ ส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ปัจจัยทางธรรมชาติท/ีเป็ น
รากฐานการทำเกษตรกรรม ปริมาณผลผลิตท/ีได้ตกตํ/าและคุณภาพไม่ค่อยจะปลอดภัย สอดคล้องกับ
รายงานการวิจัย ธนาคารเพื/อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (รายงานกิจการธนาคารเพื/อการเกษตร
และสหกรณ์การเกษตร.2550) ปัญหาใหญ่ของเกษตรกรส่วนใหญ่คือ ต้นทุน และความรู้ที/น้อยจึงไม่
สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้เต็มที/ในการผลิต และอีกปัญหาที/พบกันอยู่เสมอคือปัญหาพ่อค้าคน
กลาง ราคาท/ีพ่อค้าคนกลางได้รับจากเกษตรกรนั3นเป็นราคาท/ีตํ/ามาก แต่กลับไปขายต่อได้ในราคาท/ีสูง
ส่วนต่างจำนวนมากนี3ทำให้กำไรเกือบจะทั3งหมดตกไปอยู่ท/ีพ่อค้าคนกลาง
การพัฒนารูปแบบนวัตกรรมเพ/ือเพิ/มมูลค่าสินค้าโซ่อุปทานข้าว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มแม่น3ำ
เจ้าพระยา สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ที/เน้นการ
สร้างมูลค่าผลผลิตด้วยฐานความรู้ (Value Creation From Knowledge Application) (สำนักงาน
คณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2549: 5-7) และสอดคล้องกับสภาพการ
เปลี/ยนแปลงที/รวดเร็วของเทคโนโลยี (Technology) เศรษฐกิจ (Economic) สังคม (Social) การเมือง
(Politics) การค้าระหว่างประเทศ (International Trade) และการแข่งขัน (Competition) จำเป็นต้องมีการ
จัดการความรู้และ การถ่ายทอดเทคโนโลยีที/ดีและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี3 สถาบันพัฒนาการบริหาร
จัดการระหว่างประเทศ (International Institute for Management Development) มีการศึกษา
ความสามารถในการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย พบว่าอยู่ในอันดับท/ี 43
(สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. 2549: 8-9) ทำให้มีความจำเป็นต้องขับเคลื/อน
การพัฒนาด้านต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ/งด้านการจัดการทรัพยากร เพ/ือเพิ/มความสามารถในการแข่งขัน
ตั3งแต่ระดับชุมชนและสังคมทั3งในประเทศและระหว่างประเทศ
ท/ีมาของปัญหาท/ีทำการวิจัย คือขาดการพัฒนารูป พึ/งพาตนเองตามแนวแบบเศรษฐกิจพอเพียง
ขาดการจัดการระบบโซ่อุปทานในเชิงพาณิชย์ แต่ท/ีสำคัญ ชุมชนลุ่มแม่น3ำเจ้าพระยา ประชากรส่วนใหญ่
ประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก พื3นท/ีการเกษตรในลุ่มน3ำเจ้าพระยา ส่วนใหญ่เป็นการปลูกข้าวและพืช
ไร่ โดยเป็นพื3นท/ีปลูกข้าวมากท/ีสุดถึงร้อยละ 69.86 ของพื3นท/ีการเกษตรทั3งหมด โดยพื3นท/ีปลูกข้าวส่วน
ใหญ่จะอยู่บริเวณท/ีราบลุ่มของลุ่มน3ำเจ้าพระยา พืชท/ีปลูกในลำดับรองลงมาคือพืชไร่ มีการปลูกประมาณ
ร้อยละ 23.76 ของพื3นท/ีการเกษตรทั3งหมดโดยจะปลูกบริเวณท/ีราบท/ีอยู่ห่างไกลแหล่งน3ำ โดยเฉพาะ
บริเวณฝั/งตะวันออกของลุ่มน3ำ ส่วนพื3นท/ีการเกษตรท/ีเหลือมีการปลูกไม้ผล-ไม้ยืนต้นในจำนวนไม่มาก
นักประมาณร้อยละ 5.74 ของพื3นท/ีการเกษตรทั3งหมด (กรมชลประทาน.2553) โดยการปลูกข้าวนั3น
เกษตรกรต้องใช้เวลารอการเก็บเก/ียวข้าวนั3นแต่ละครั3ง ประมาณ 3-4 เดือน โดย 1 ปี อาจปลูกข้าวได้ 1-2
ครั3ง เน/ืองจากในปัจจุบันนั3นเราจะไปอ้างอิงธรรมชาติค่อนข้างมาก ทำให้รายได้ของเกษตรกรนั3นไม่พอ
กับรายจ่ายท/ีได้ลงทุนไว้ ทำให้เกิดหนี3สิน บางเกษตรกรต้องทำเช่าท/ีดินในการทำนา พอเจอกับธรรมชาติท/ี
ไม่คง ทำให้เป็นหนี3สินจำนวนมาก พอหลายๆปี ก็ทำให้มีหนี3สินท/ีไม่สามารถใช้ได้หมด ทำให้เป็นผลเสีย
หลายด้าน
จาก ปัญหาดังกล่าว โครงการวิจัยสามารถทำให้เกษตรกรได้รวมกลุ่มพึ/งพาตนเอง เป็นการสร้าง
ความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจชุมชนเพ/ือเป็นหลักประกันการอยู่ดีกินดีของประชาชนเป็นเร/ืองท/ีมี
ความสำคัญ ประเทศไทยยังมีทุนท/ีเป็ นทรัพยากร ผลผลิต รวมทั3งทุนทางสังคม โดยเฉพาะความรู้ ภูมิ
ปัญญา ระบบคุณค่าและวัฒนธรรม การส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนได้เรียนรู้ได้พบทุนเหล่านี3 ได้พัฒนา
ขีดความสามารถในการจัดการทรัพยากรและทุนท/ีมีอยู่ให้เกิดเป็นระบบเศรษฐกิจชุมชนท/ีเข้มแข็ง ด้วย
การสร้างสรรค์กิจกรรมทางเศรษฐกิจที/หลากหลายและมีระบบการจัดการที/เรียกว่าวิสาหกิจชุมชน
ดังนั3น เพ/ือการแก้ไขปัญหาระยะยาวและเกิดประโยชน์ต่อชุมชนในสังคมท/ีมีความยัง/ ยืน จังได้
ศึกษาและมีการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ของข้าว ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มแม่น3ำเจ้าพระยา
โดยเริ/มศึกษาตั3งแต่ ต้นน3ำ กลางน3ำ ปลายน3ำ เพ/ือลดปัญหาการผลิตท/ีใช้ต้นทุนสูงและขายข้าวถูก ทำให้
ส่วนต่างของกำไรมีไม่มาก โดยงานวิจัยนี3จะเป็นต้นแบบการลดช่องว่างท/ีเกษตรกรไม่สามารถลดต้นทุน
การผลิตข้าวต่อไรตํ/า เพิ/มผลผลิตข้าวท/ีสูงต่อไร่ และมีเพิ/มช่องทางให้สามารถขายถึงผู้บริโภคโดยตรงท/ี
ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางหรือโรงสีข้าว |
จุดเด่นของโครงการ : | ได้แนวางรูปแบบโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าข้าว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา |
วัตถุประสงค์ของโครงการ : | 1. เพื่อศึกษารูปแบบโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ข้าว และนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าข้าว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
2. เพื่อทดลองและสาธิตการพัฒนารูปแบบนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าโซ่อุปทานข้าว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
3. เพื่อถ่ายทอดความรู้และประเมินผลนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าโซ่อุปทานข้าว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา |
ขอบเขตของโครงการ : | 1. ขอบเขตประชากร/พื้นที่การวิจัย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 4 กลุ่มได้แก่ 1) ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง คุณสุพจน์ โคมณี อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ 2) ศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนขนมจีนโบราณ-คุกกี้ครูเป้า อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ 3) ศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชน คุณผดุง ช่วยค้ำชู อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ และ 4) ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง คุณอำพร ควรคิด อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี
2. ขอบเขตเกี่ยวกับเนื้อหาการศึกษาวิจัย ได้แก่บริบท ด้านพื้นที่ ด้านการมีส่วนร่วม ด้านการบริหารจัดการ ด้านความรู้และภูมิปัญญา พัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้านการออกแบบ ด้านการผลิตและด้านการตลาด สู่การใช้เชิงพาณิชย์ |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : | 1. มีการเผยแพร่ในวารสารการวิจัยของคณะกรรมการการอุดมศึกษา
2..มีการเผยแพร่ในวารสารการวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ และมหาวิทยาลัยในเครือข่าย
3. มีการจดสิทธิบัตรในด้านรูปแบบนวัตกรรมความรู้ใหม่ของผลการวิจัย
4..กระบวนการวิจัยและการมีส่วนร่วมของชุมชนจะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ชุมชนมีความสามารถในการต่อต้านและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้
5. มีหน่วยงานที่นำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้แก่
5.1 กลุ่มวิสาหกิจชุมชน
5.2 เกษตรอำเภอ
5.3 องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น |
การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ : | 1. แนวคิดการจัดการโซ่อุปทาน
2. ขอบเขตของการจัดการจัดการโซ่อุปทาน
3. มาตราวัดการจัดการโซ่อุปทาน
4. แนวคิดการจัดการห่วงโซ่มูลค่า
5. โซ่อุปทานข้าวไทยในปัจจุบัน
6. การสร้างมูลค่าเพิ่มในข้าว
7. นวัตกรรมการปลูกข้าวต่างๆ
8. ชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
9. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง |
ทฤษฎี สมมุติฐาน กรอบแนวความคิด : | การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ (information) ทเี'กยี'วข้อง 9.1 แนวคิดและทฤษฎีการสร้างรูปแบบโซ่อุปทาน 9.2 แนวคิดและทฤษฎีการพฒั นาเศรษฐกิจพอเพียง 9.3 แนวคิดหลกั การพระราชบญั ญตั ิส่งเสริมวสิาหกิจชุมชน 9.3.1 แนวคิดการออกแบบ 9.3.2 แนวคิดหลกั กระบวนการผลิต 9.3.3 แนวคิดหลกั การตลาดเชิงพาณิชย ์ 9.4 แนวคิดกระบวนการมีส่วนร่วมการเรียนรู้ 9.5 แนวคิดทฤษฎีทฤษฎีวศิ วกรรมของนวตั กรรม 9.6 ทฤษฎีการผลกั ดนั จากตลาดในการทาํ นวตั กรรม 9.7 ทฤษฎีระบบของนวตั กรรม 9.8 ยทุ ธศาสตร์สู่การเป็นศูนยก์ลางดา้นโลจิสติกส์ของเอเชีย จงัหวดันครสวรรค ์ 9.9 ยทุ ธศาสตร์อุดมศึกษาและแผนพฒั นาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติฉบบัที/ สิบเอด็ 9.10 แนวคิดหลกั การพระราชบญั ญตั ิมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พ.ศ. 2547 9.11 แนวคิดทฤษฎีการประเมินผ |
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล : | ขั้นตอนการดำเนินการวิจัย
การศึกษาการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าโซ่อุปทานข้าว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ผู้วิจัยได้การดำเนินการวิจัยโดยแบ่งขั้นตอนเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 การศึกษารูปแบบโซ่อุปทาน และนวัตกรรมของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
ในขั้นตอนนี้เป็นช่วงของการศึกษารูปแบบโซ่อุปทาน โดยเป็นการเข้าไปสังเกต(observation) และการสำรวจ(survey) ซึ่งจะต้องดำเนินการศึกษาข้อมูลปฐมภูมิ ด้วยการเก็บภาพถ่ายสภาพแวดล้อมทางกายภาพในจุดต่างๆที่สนใจ
สำหรับข้อมูลทุติยภูมิดำเนินการค้นหาข้อมูลโดยศึกษาข้อมูลเชิงพื้นที่ และศึกษาจากงานวิจัยต่างๆที่เคยได้กระทำไว้ โดยข้อมูลที่เก็บรวบรวมทั้งหมดเป็นข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบสภาพพื้นที่
จากนั้นดำเนินการสัมภาษณ์เชิงลึก(In-depth interview) จากผู้ให้ข้อมูลคนสำคัญ(Key Informant) จำนวน 4 คน ได้แก่ ผู้นำกลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือปราชญ์ชาวบ้านเพื่อวิเคราะห์ถึงปัญหาและรูปแบบของนวัตกรรมที่ใช้เพิ่มมูลค่าสินค้าโซ่อุปทานข้าวโดยจัดการประชุมและร่วมทำกิจกรรมระหว่างผู้วิจัยและผู้นำชุมชน และเกษตรกร
ระยะที่ 2 ทดลองและสาธิตรูปแบบนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าโซ่อุปทานข้าว
ในขั้นตอนนี้เป็นการลงพื้นที่เป็นการทดลองโดยมีส่วนร่วมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้วิจัย ผู้นำชุมชน และเกษตรกรที่ประกอบอาชีพทำนา มีการติดตามผลในการปฏิบัติของผู้นำชุมชน และเกษตรกรที่ประกอบอาชีพทำนา ว่าได้มีดำเนินการทดลองและสาธิตนวัตกรรมที่สร้างขึ้น
ระยะที่ 3 การถ่ายทอดความรู้และประเมินผล
ในขั้นตอนนี้เป็นการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการโดยวิธีบรรยาย(Lecture) และศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ โดยมีประเมินผลการถ่ายทอดความรู้การเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การศึกษาครั้งนี้จะใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้เทคนิคเดลฟาย (Delphi Method) ซึ่งเป็นวิธีการวิจัยหรือตัดสินใจปัญหาต่าง ๆ อย่าเป็นระบบโดยไม่มีการเผชิญหน้ากันโดยตรงระหว่างผู้เชี่ยวชาญ เช่นเดียวกันกับการระดมสมอง (Brain storming) ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนสามารถแสดงความคิดเห็นของตนอย่างทำให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและนำไปประกอบการตัดสินใจด้านต่าง ๆ ได้โดยงานวิจัยจะเก็บข้อมูลจาก 3 แหล่งดังนี้
1. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดการโซ่อุปทานและแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าเกษตรไทย
2. การสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key in formant interview) โดยการสอบถามผู้นำเชิงปฏิบัติการที่อยู่ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมข้าวอย่างน้อย 10 ปี บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
3. การสังเกตทั้งแบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม (Participation and Non – Participation Observation) ซึ่งการสังเกตแบบมีส่วนร่วมโดยเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรม เพื่อความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและสามารถซักถามข้อสงสัยได้ทันที่โดยการศึกษาครั้งนี้เข้าไปสังเกตแบบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการดำเนินงานในส่วนร่วมของต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เช่น การสำรวจลักษณะการทำงาน การวางแผนปลูกข้าว การปลูกข้าว การแปรรูป และการจัดจำหน่าย เป็นต้น
การวิเคราะห์ข้อมูลและสังเคราะห์ข้อมูล
หลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการวิจัย ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลและสังเคราะห์ข้อมูล ข้อมูลเชิงปริมาณที่ได้จากผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด นำมาวิเคราะห์ตามระเบียบวิธีทางสถิติ และคำนวณโดยใช้โปรแกรมสถิติการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ละค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำเสนอในรูปแบบตาราง และการบรรยาย |
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) : | โครงการวจิยัสามารถทาํให้เกษตรกรไดร้วมกลุ่มพ/ึงพาตนเอง เป็นการสร้าง ความเขม้แข็งให้กับระบบเศรษฐกิจชุมชนเพื/อเป็นหลกัประกันการอยู่ดีกินดีของประชาชนเป็นเรื/องที/มี ความสําคญั ประเทศไทยยงัมีทุนที/เป็นทรัพยากร ผลผลิต รวมทั3งทุนทางสังคม โดยเฉพาะความรู้ ภูมิ ปัญญา ระบบคุณค่าและวฒันธรรม การส่งเสริมสนบัสนุนให้ชุมชนไดเ้รียนรู้ไดพ้บทุนเหล่านี3 ไดพ้ฒันา ขีดความสามารถในการจดัการทรัพยากรและทุนที/มีอยู่ให้เกิดเป็นระบบเศรษฐกิจชุมชนที/เขม้แข็ง ดว้ย การสร้างสรรคก์ิจกรรมทางเศรษฐกิจที/หลากหลายและมีระบบการจดัการที/เรียกว่าวสิาหกิจชุมชน |
จำนวนเข้าชมโครงการ : | 803 ครั้ง |