รหัสโครงการ : | R000000213 |
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) : | การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยสมุนไพรจากพืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์ |
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) : | Herbal essential oils development from medicinal plants in Nakhon Sawan province |
คำสำคัญของโครงการ(Keyword) : | essential oils, Medicinal plants |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ : | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี > ภาควิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาชีววิทยา และเทคโนโลยีชีวภาพ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | โครงการวิจัยเดี่ยว |
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย : | อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย |
ประเภทโครงการ : | โครงการวิจัยใหม่ |
สถานะของโครงการ : | propersal |
งบประมาณที่เสนอขอ : | 92000 |
งบประมาณทั้งโครงการ : | 92,000.00 บาท |
วันเริ่มต้นโครงการ : | 19 กุมภาพันธ์ 2559 |
วันสิ้นสุดโครงการ : | 18 กุมภาพันธ์ 2560 |
ประเภทของโครงการ : | งานวิจัยประยุกต์ |
กลุ่มสาขาวิชาการ : | วิทยาศาสตร์การแพทย์ |
สาขาวิชาการ : | สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา |
กลุ่มวิชาการ : | วิทยาศาสตร์ชีวภาพ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | ระดับชาติ |
สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ : | สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ |
สร้างความร่วมมือประหว่างประเทศ GMS : | ไม่สร้างความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างประเทศ |
นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา : | ไม่นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาณภาพการศึกษา |
เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต : | ไม่เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต |
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : | ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีพืชสมุนไพรอยู่มากมายหลากหลายสายพันธุ์แสดงให้เห็นถึงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ภายในประเทศ ทั้งนี้การนำพืชสมุนไพรมาใช้ให้เกิดประโยชน์นั้นเป็นไปได้หลายทิศทาง เช่น การใช้เพื่อบำรุงสุขภาพ ใช้เพื่อการบำบัดอาการของโรคเบื้องต้นหรือแม้แต่โรคร้ายแรงบางชนิด นำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร/เครื่องดื่ม เป็นต้น การทำวิจัยในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายในการที่จะนำพืชสมุนไพรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยการนำพืชสมุนไพรหอมมาใช้เพื่อเสริมความงามไปพร้อมๆกับการบำบัดสุขภาพ (aromatherapy) ดังนั้นพืชหอมสมุนไพรจึงเป็นกลุ่มพืชสมุนไพรเป้าหมายในการทำวิจัยในครั้งนี้ โดยการนำพืชกลุ่มดังกล่าวมาทำการสกัดน้ำมันหอมระเหย (essential oils) ตั้งแต่อดีตคนไทยรู้จักที่จะนำกลุ่มพืชสมุนไพรหอมที่มีน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้มาใช้ประโยชน์กันอยู่แล้ว ดังเช่น การนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ร่วมกับกระบวนการนวดเพื่อคลายอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เพิ่มความกระชับของกล้ามเนื้อหรือผิวหนัง ลดความเครียดจากกลิ่นหอมของสมุนไพร หรือจะเป็นการใช้น้ำมันนวดหอมระเหยร่วมกับการนวดกดจุด ก็จะทำให้เกิดความผ่อนคลายไปพร้อมๆกับการกระตุ้นระบบประสาทส่วนต่างๆ ช่วยให้เลือดลมมีการหมุนเวียนได้เป็นอย่างดี เป็นต้น
ทั้งนี้กลุ่มพืชสมุนไพรหอมนั้นเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีและมักจะมีการปลูกเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ และพืชดังกล่าวนี้ก็จะผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นน้ำมันหอมระเหยสมุนไพรและมีการบรรจุเป็นหีบห่อที่สวยงามและส่งกลับมาขายยังประเทศไทยในราคาที่ค่อนข้างแพง ทำให้เกิดการเสียดุลให้แก่ชาวต่างชาติ ดังนั้นในงานวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นวิจัยเพื่อที่จะคัดเลือกพืชสมุนไพรหอมที่มีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญและเหมาะสมเพื่อนำมาทำการผลิตน้ำมันหอมระเหย และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ชุมชนเป้าหมายได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อเพื่อธุรกิจในชุมชนที่เกี่ยวกับการนวดบำบัด เมื่อสามารถผลิตน้ำมันหอมระเหยใช้ได้เองก็จะทำให้เกิดการลดต้นทุนในการประกอบการทำให้มีรายได้มากยิ่งขึ้น |
จุดเด่นของโครงการ : | เป็นวานวิจัยที่สร้างความเข้มแข็งให้แก่สังคมเกษตรกรรมให้มีรายได้จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรขึ้น |
วัตถุประสงค์ของโครงการ : | 1. เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพร
2. เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการสร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่ชุมชน
3. เพื่อทำให้เกิดชุมชนเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองทั้งการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรใช้เองในธุรกิจนวดบำบัดหรือจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ |
ขอบเขตของโครงการ : | การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยประยุกต์ที่มีขอบเขตของการวิจัยดังนี้
1. ประชากรที่ศึกษา คือ พืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์
2. พื้นที่เป้าหมาย คือ บ้านเนื้อร้อน อ.หนองข่าหย่าง จังหวัดอุทัยธานี
3. ทำการสืบค้นข้อมูลในด้านฤทธิ์ของพืชสมุนไพรที่มีในจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อคัดเลือกพืชสมุนไพรที่น่าสนใจและเหมาะสมต่อการนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรประเภทต่างๆ
4. ทำการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เหมาะสมต่อการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรแก่ประชาชนในกลุ่มอำเภอเป้าหมาย
5. ช่วงเวลาของการวิจัยตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2558 – เดือนกันยายน 2559
6. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่
6.1 พืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์
6.2 ฤทธิ์ทางชีวภาพของพืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์
6.3 ผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์
6.4 การถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์
7. พืชสมุนไพร หมายถึง พืชที่ใช้ ทำเป็นเครื่องยา ซึ่งได้มาจากธรรมชาติในจังหวัดนครสวรรค์ และมีสรรพคุณในการรักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ รวมถึงใช้ในการส่งเสริมสุขภาพร่างกายได้ พืชสมุนไพรนอกจากจะใช้เป็นยาแล้ว ยังใช้ประโยชน์เป็นอาหาร ใช้เตรียมเป็นเครื่องดื่ม ใช้เป็นอาหารเสริม เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง ใช้แต่งกลิ่น แต่งสีอาหาร |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : | 1. ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพรในจังหวัดนครสวรรค์
2. สถานศึกษานำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์สำหรับการจัดการเรียนการสอน
3. เผยแพร่องค์ความรู้ในเวทีวิชาการและวารสารวิจัย
4. บุคคลที่สนใจ สามารถใช้ประโยชน์จากสมุนไพรได้อย่างถูกต้อง
5. สร้างรายได้ให้กับชุมชนที่ได้รับการบริการทางด้านวิชาการจากการทำวิจัย |
การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ : | ปิยะณัฐ (2549) พบว่าน้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากพืชสมุนไพรเทียนข้าวเปลือก เปราะหอม และอบเชย นั้นมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ
อัครสิทธิ์ และสุกิจ (2554) ได้ทำการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพรในวงศ์ขิง (Zingiberaceae) ได้แก่ น้ำมันหอมระเหยว่านกระแจะจันทร์ น้ำมันหอมระเหยว่านธรณีเย็น น้ำมันหอมระเหยสาวหลง และน้ำมันหอมระเหยว่ากระชายดำ และนำมาทดสอบฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ พบว่า พืชสมุนไพรทั้ง 4 ชนิด มีฤทธิ์ในการยับยั้งอนุมูลอิสระ |
ทฤษฎี สมมุติฐาน กรอบแนวความคิด : | สรรพคุณที่มีอยู่มากมายในพืชสมุนไพรต่อการนำมารักษาสุขภาพนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ แต่ด้วยการขาดข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนอย่างแท้จริงในฤทธิ์ของพืชสมุนไพรทำให้ประชาชนขาดโอกาสในการที่จะนำทรัพยากรพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าในท้องถิ่นของตนเองมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ งานวิจัยนี้จึงได้มุ่งเน้นที่จะศึกษาและรวบรวมข้อมูลในส่วนของฤทธิ์ทางชีวภาพของพืชสมุนไพรในท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ จากงานวิจัยที่ผ่านมาหรือมีผู้ศึกษาไว้แล้ว เพื่อที่ทีมวิจัยจะสามารถคัดเลือกพืชสมุนไพรที่น่าสนใจและนำมาพัฒนาต่อยอดสร้างเป็นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร เช่น น้ำมันสมุนไพรนวดสปา พร้อมทั้งมีการออกแบบผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรให้สวยงาม และทำการถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆสู่ชุมชนในท้องถิ่นต่อไป |
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล : | การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพรเพื่อการทำสปา
1 ประชากรที่ศึกษา
- พืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ในจังหวัดนครสวรรค์
2 กลุ่มตัวอย่าง
- พืชสมุนไพรทั้งแบบสดและแห้ง ในจังหวัดนครสวรรค์
3 วิธีการศึกษา
ทดสอบการออกฤทธิ์ทางชีวภาพของพืชสมุนไพรบางชนิด
- ทำการสกัดสมุนไพรที่ได้ทำการคัดเลือกไว้ด้วยตัวทำละลายน้ำนำมาระเหยตัวทำละลายด้วยเครื่อง evaporator เก็บสารสกัดที่ได้ในขวดสีชา และนำไปเก็บรักษาในตู้เย็นเพื่อรอทดสอบ
- นำสารสกัดที่ได้จากพืชสมุนไพรต่างๆและยาปฏิชีวนะ (ตัวควบคุมบวก) มาทำการทดสอบการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคผิวหนังด้วยวิธี agar well diffusion บ่มเพาะเชื้อ สังเกตวงใส
- นำสารสกัดที่ได้มาทำการทดสอบกิจกรรมในการต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระด้วยวิธีที่เหมาะสม
พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพร
- วิธีการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพร
วิธีที่ 1 นำสมุนไพรที่สนใจและให้ฤทธิ์ทางชีวภาพที่เหมาะสมมาล้างทำความสะอาด ผึ่งให้แห้ง จากนั้นจึงนำสมุนไพรมาทำการหั่นเป็นแว่นบางๆ นำไปทอดในน้ำมันพืชหรือใช้น้ำมันมะพร้าวโดยการใช้ไฟในระดับที่อ่อนที่สุด ทำการทอดจนเหลืองแยกกากออกนำน้ำมันหอมระเหยมาทำการเก็บไว้ในขวดสีชา
วิธีที่ 2 สมุนไพรที่สนใจและให้ฤทธิ์ทางชีวภาพที่เหมาะสมมาล้างทำความสะอาด ผึ่งให้แห้ง จากนั้นจึงนำสมุนไพรมาทำการหั่นเป็นแว่นบางๆ นำทำการสกัดด้วยตัวทำละลายน้ำโดยการต้มที่ไฟอ่อนๆประมาณ 45 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง แยกน้ำและกากออกจากกัน นำน้ำมาทำการระเหยออกไปให้กลายเป็นไอด้วยเครื่อง evaporator นำน้ำมันที่ได้เก็บใส่ขวดสีชา
นำน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิดมาทำการผสมกันตามสูตรต่างๆ เพื่อใช้เป็นการน้ำมันนวดเพื่อบำบัดอาการหรือนวดเพื่อเสริมความงาม ตามความพึงพอใจของผู้รับการนวด |
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) : | เป็นงานวิจัยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสร้างรายได้แก่ชุมชนที่ทีมวิจัยออกไปให้บริการวิชาการในโครงการ การพัฒนาน้ำมันหอมระเหยพืชสมุนไพรเพื่อการทำสปา |
จำนวนเข้าชมโครงการ : | 2800 ครั้ง |