รหัสโครงการ : | R000000160 |
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) : | การศึกษาการยับยั้งการติดเชื้อไวรัสเริมของสมุนไพรและการพัฒนาครีม |
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) : | ThestudyofinhibitoryactivitiesofherbsinHerpesSimplexVirusesand thedevelopmentofherbalcreams |
คำสำคัญของโครงการ(Keyword) : | - |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ : | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี > ภาควิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาชีววิทยา และเทคโนโลยีชีวภาพ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | โครงการวิจัยเดี่ยว |
ลักษณะย่อยโครงการวิจัย : | ไม่อยู่ภายใต้แผนงานวิจัย/ชุดโครงการวิจัย |
ประเภทโครงการ : | โครงการวิจัยใหม่ |
สถานะของโครงการ : | propersal |
งบประมาณที่เสนอขอ : | 80000 |
งบประมาณทั้งโครงการ : | 80,000.00 บาท |
วันเริ่มต้นโครงการ : | 19 พฤศจิกายน 2556 |
วันสิ้นสุดโครงการ : | 18 พฤศจิกายน 2557 |
ประเภทของโครงการ : | งานวิจัยประยุกต์ |
กลุ่มสาขาวิชาการ : | วิทยาศาสตร์การแพทย์ |
สาขาวิชาการ : | สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช |
กลุ่มวิชาการ : | เภสัชเคมีและเภสัชวิเคราะห์ |
ลักษณะโครงการวิจัย : | ระดับชาติ |
สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ : | สะท้อนถึงการใช้ความรู้เชิงอัตลักษณ์ |
สร้างความร่วมมือประหว่างประเทศ GMS : | ไม่สร้างความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างประเทศ |
นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา : | นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาณภาพการศึกษา |
เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต : | ไม่เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต |
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : | ปัจจุบันมนุษย์เริ่มกลับมาสนใจผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและเริ่มมีการตื่นตัวในการรักษาสุขภาพมากขึ้นเนื่องจาก
สมุนไพรมีสรรพคุณมากมายสารเคมีในพืชมีฤทธิ์ป้องกันและต้านจุลินทรีย์ที่ก่อโรคขจัดสารพิษควบคุมระดับ
ฮอร์โมนต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีบทบาทสำคัญในการยับยั้งหรือต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันอันเป็นสาเหตุในการ
เกิดโรคมากมายซึ่งสมุนไพรจากธรรมชาติเหล่านี้มีความหลากหลายทางชีวภาพมากมายประเทศไทยถือได้ว่าเป็น
แหล่งที่ระบบนิเวศมีความหลากหลายของพืชสมุนไพรมากมายประชาชนใช้ประโยชน์ในการดารงชีพรวมทั้งนามาใช้
บาบัดรักษาโรคมาเป็นระยะเวลานานชาวบ้านใช้สมุนไพรในการรักษาโรคซึ่งข้อมูลทางพฤกษศาสตร์พื้นบ้านจานวน
มากยังไม่มีรายงานสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์สมุนไพรจึงเป็นที่สนใจในการศึกษาค้นคว้าวิจัยเนื่องจากในการรักษา
โรคบางชนิดยาที่ใช้ต้องนาเข้ามาจากต่างประเทศมีราคาสูงยาที่ใช้เป็นสารสังเคราะห์ที่มีความรุนแรงในการใช้งาน
เมื่อใช้เป็นเวลานานอาจเกิดผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยทาให้เกิดสารตกค้างเกิดภาวะดื้อยา(พิสุทธิพร,2537)โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือผู้ป่วยเอดส์จะมีภาวะการติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่ายเช่นเชื้อไวรัสก่อโรคเริม
ปัจจุบันมีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะจากเชื้อไวรัสดังนั้นงานวิจัยนี้มุ่งศึกษาวิจัยยาต้านไวรัสเริมจาก
สมุนไพรธรรมชาติที่มีฤทธิ์ข้างเคียงน้อยสมุนไพรจึงเป็นหนึ่งทางเลือกในการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสเพื่อเป็นข้อมูลให้
ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสโดยเฉพาะไวรัสก่อโรคเริมซึ่งพบว่ามีอุบัติการณ์สูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อมีการติด
เชื้อครั้งแรกอาจแสดงหรือไม่แสดงอาการของโรคแต่จะแฝงอยู่ในปมประสาทรอปัจจัยกระตุ้นต่างๆทั้งนี้ขึ้นกับ
ภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคลด้วยเหตุนี้จึงมีความจาเป็นที่ต้องมีการวิจัยและพัฒนายารักษาโรคติดเชื้อขึ้นใช้เองโดยพัฒนาจากรากฐานภูมิปัญญาท้องถิ่นเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงดังนั้นผู้วิจัยจึงสนใจที่จะนาพืชสมุนไพรซึ่งข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้ประชาชนเข้าใจถึงประโยชน์โทษและการ
รักษาเบื้องต้นของโรคติดเชื้อไวรัสอย่างถูกต้องเพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยมีข้อมูล
ทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเองทางด้านยาและช่วยลดค่าใช้จ่ายใน
การนาเข้าวัตถุดิบในการผลิตลดการนาเข้ายาจากต่างประเทศสนับสนุนเกษตรกรปลูกพืชสมุนไพรเป็นการสร้าง
รายได้สู่ชุมชนทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงการค้าเพื่อเป็นการเสริมรายได้ต่อชุมชนอย่างถูกวิธีต่อไป
|
จุดเด่นของโครงการ : | - |
วัตถุประสงค์ของโครงการ : | 1.เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของสมุนไพรบางชนิดเช่นโมกราชินีสังกรณีตาแยแมวโด่ไม่รู้ล้มและชะมวงในการยับยั้งการติดเชื้อไวรัสก่อโรคเริม
2.เพื่อศึกษาความคงตัว(stability)ของครีมสมุนไพรที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสก่อโรคเริมในระดับห้องปฏิบัติการ
|
ขอบเขตของโครงการ : | การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยประยุกต์ที่มีขอบเขตของการวิจัยดังนี้
1ประชากรที่ศึกษาคือพืชสมุนไพร
2ทดสอบการออกฤทธิ์ทางชีวภาพในการยับยั้งเชื้อก่อโรคเริมจากสารสกัดพืชสมุนไพร
3ช่วงเวลาของการวิจัยตั้งแต่เดือนตุลาคม2556–เดือนกันยายน2557
4ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่
4.1พืชสมุนไพรเช่นโมกราชินีสังกรณีตาแยแมวโด่ไม่รู้ล้มและชะมวง
4.2ฤทธิ์ต้านไวรัสเริมของพืชสมุนไพร
ทฤษฎีสมมุติฐาน(ถ้ามี)และกรอบแนวความคิดของโครงการวิจัย
Herpessimplexvirus(HSV)จัดอยู่ในFamilyHerpesviridaeSubfamilyAlphaherpesvirinae
เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อบุหรือรอยถลอกบริเวณผิวหนังลักษณะรอยโรคจะมีตุ่มใส(vesicle)หรือ
เป็นแผลมีอาการแสบคันอักเสบแดงร่างกายไม่สามารถกาจัดเชื้อออกจากร่างกายได้ไวรัสตระกูลนี้ทาให้เกิด
การติดเชื้อแอบแฝง(latentinfection)ที่ปมประสาทเมื่อถูกกระตุ้นเช่นร่างกายเสียสมดุลเกิดภาวะเครียด
การมีรอบเดือนไวรัสจะเพิ่มจานวนและทาให้เกิดการติดเชื้อซ้า(recurrentinfection)ซึ่งจะทาให้เกิดตุ่มน้าและ
แผลขึ้นที่ผิวหนังเชื้อไวรัสก่อโรคเริมแบ่งเป็น2ชนิดคือชนิดที่1และชนิดที่2โดยHSV-1พบการติดเชื้อครั้ง
แรกทาให้เกิดการอักเสบบริเวณเหงือกปากคอทอนซิลกระจกตาเยื่อบุตาเยื่อบุสมองส่วนการติดเชื้อซ้าพบที่
ริมฝีปากกระจกตาและสมองแต่การติดเชื้อHSV-2มักพบบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
โดยทั่วไปในการคิดค้นยาตัวใหม่ๆสาหรับโรคติดเชื้อไวรัสยานั้นต้องจาเพาะต่อจุลชีพโดยไม่เป็นพิษต่อ
เซลล์หรือเป็นพิษน้อยที่สุดแต่เนื่องจากไวรัสเป็นจุลชีพขนาดเล็กที่ต้องอาศัยกลไกของhostcellที่ใช้สาหรับ
สร้างสิ่งต่างๆที่ต้องการ(obligateintracellularparasite)ดังนั้นทาให้การรักษาเป็นไปได้ยากเนื่องจากยาอาจ
ไม่ยับยั้งการเพิ่มจานวนของไวรัสแต่หยุดกลไกของhostcellปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเริมให้หายขาดดังนั้นทา
ได้เพียงบรรเทาอาการและยาที่ใช้เป็นพวกกึ่งสังเคราะห์ที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างสูงและราคาแพงอีกทั้งในการ
รักษาโรคเริมยาเหล่านี้ต้องนาเข้าจากต่างประเทศทาให้ต้นทุนการรักษาเพิ่มขึ้นผู้ป่วยบางรายอาจได้รับปริมาณ
ยาไม่ครบdoseทาให้การรักษาเป็นไปยากขึ้นถ้าใช้เป็นเวลานานอาจเกิดอาการดื้อยาดังนั้นสมุนไพรจาก
ธรรมชาติจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพราะผลข้างเคียงและการสะสมสารตกค้างในร่างกายน้อยกว่าสารเคมีที่ใช้ใน
การผลิตยาแม้ว่าสมุนไพรมีมากมายแต่มีการศึกษาการออกฤทธิ์ต่อHSVไม่มากนัก(ถนอมศรี,2537)
งานวิจัยครั้งนี้จึงเลือกศึกษาสมุนไพรบางชนิดซึ่งยังไม่มีรายงานการวิจัยประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อ
ไวรัสก่อโรคเริมบริเวณผิวหนังดังนั้นการศึกษาวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสก่อโรคเริมความคงตัวเพื่อ
เป็นแนวทางสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชสมุนไพรมากขึ้นและใช้พืชสมุนไพรในการรักษาอาการโรคติดเชื้อไวรัส
ก่อโรคเริมเพื่อเป็นการลดต้นทุนการนาเข้าสมุนไพรจากต่างประเทศส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรมีรายได้จากการ
เพาะปลูกและเพิ่มผลผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรเพื่อใช้ในการรักษาโรคช่วยลดวัตถุดิบลดการนาเข้ายาจาก
ต่างประเทศทั้งนี้เพื่อประโยชน์และเป็นทางเลือกใหม่ในการผลิตยาต้านไวรัสก่อโรคเริมจากสมุนไพรท้องถิ่นต่อไป
|
ผลที่คาดว่าจะได้รับ : | 1.เสนอผลงานวิจัยในงานประชุมสัมมนาวิชาการหรือตีพิมพ์งานวิจัยในวารสารทางวิชาการ
2.ได้ทราบสรรพคุณสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อไวรัสก่อโรคเริมทั้งนี้เพื่อเป็นการลดการนาเข้ายาจาก
ต่างประเทศเกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรและเป็นการสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นส่งเสริมข้อมูลทาง
พฤกษศาสตร์พื้นบ้านที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งโรคเริมเพิ่มมูลค่าความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อพัฒนายาต้านไวรัสเริม
จากทรัพยากรท้องถิ่นมีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงการค้าเกษตรกรมีรายได้จากการปลูกพืชสมุนไพรเพื่อเป็น
วัตถุดิบในการผลิตยารักษาโรคมีการกระจายรายได้สู่ชุมชนเกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ตามหลักเศรษฐกิจ
พอเพียง
3.สามารถนาการวิจัยนี้ไปเผยแพร่ให้แก่ประชาชนผู้สนใจเข้าใจโทษจากการติดเชื้อไวรัสอย่างถูกต้องและ
สามารถใช้เป็นแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรท้องถิ่นชนิดอื่นๆที่มีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ต้านไวรัส
เริมและเป็นแนวทางในการพัฒนาใช้สมุนไพรเป็นส่วนประกอบในอาหารเสริมบารุงร่างกายทั้งนี้เพื่อให้เกิดการ
ประยุกต์พัฒนาพืชสมุนไพรท้องถิ่นอื่นๆอย่างถูกวิธีโดยใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนร่วมกับข้อมูลทาง
พฤกษศาสตร์พื้นบ้าน
|
การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ : | Herpessimplexvirus(HSV)จัดอยู่ในFamilyHerpesviridaeSubfamilyAlphaherpesvirinae
HSVเพิ่มจานวนในnucleusของเซลล์และออกจากเซลล์โดยการbuddingจากintranucleatedinclusionbody
(พิไลพันธ์และชโลบล,2538)เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อบุหรือรอยถลอกบริเวณผิวหนังลักษณะรอยโรค
จะมีตุ่มใส(vesicle)หรือเป็นแผลมีอาการแสบคันอักเสบแดงร่างกายไม่สามารถกาจัดเชื้อออกจากร่างกายได้
ไวรัสตระกูลนี้ทาให้เกิดการติดเชื้อแอบแฝง(latentinfection)ที่ปมประสาทเมื่อถูกกระตุ้นเช่นร่างกายเสีย
สมดุลเกิดภาวะเครียดการมีรอบเดือนไวรัสจะเพิ่มจานวนและทาให้เกิดการติดเชื้อซ้า(recurrentinfection)
ซึ่งจะทาให้เกิดตุ่มน้าและแผลขึ้นที่ผิวหนังเชื้อไวรัสก่อโรคเริมแบ่งเป็น2ชนิดคือชนิดที่1และชนิดที่2โดย
HSV-1พบการติดเชื้อครั้งแรกทาให้เกิดการอักเสบบริเวณเหงือกปากคอทอนซิลกระจกตาเยื่อบุตาเยื่อบุ
สมองส่วนการติดเชื้อซ้าพบที่ริมฝีปากกระจกตาและสมองแต่การติดเชื้อHSV-2มักพบบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
(อภิชาติ,2545) โดยทั่วไปในการคิดค้นยาตัวใหม่ๆสาหรับโรคติดเชื้อไวรัสยานั้นต้องจาเพาะต่อจุลชีพโดยไม่เป็นพิษต่อ
เซลล์หรือเป็นพิษน้อยที่สุดแต่เนื่องจากไวรัสเป็นจุลชีพขนาดเล็กที่ต้องอาศัยกลไกของhostcellที่ใช้สาหรับ
สร้างสิ่งต่างๆที่ต้องการ(obligateintracellularparasite)ดังนั้นทาให้การรักษาเป็นไปได้ยากเนื่องจากยาอาจ
ไม่ยับยั้งการเพิ่มจานวนของไวรัสแต่หยุดกลไกของhostcellปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเริมให้หายขาดทาได้เพียง
บรรเทาอาการและยาที่ใช้เป็นพวกกึ่งสังเคราะห์ที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างสูงและราคาแพงอีกทั้งในการรักษาโรค
เริมยาเหล่านี้ต้องนาเข้าจากต่างประเทศทาให้ต้นทุนการรักษาเพิ่มขึ้นผู้ป่วยบางรายอาจได้รับปริมาณยาไม่ครบ
doseทาให้การรักษาเป็นไปยากขึ้นถ้าใช้เป็นเวลานานอาจเกิดอาการดื้อยาดังนั้นสมุนไพรจากธรรมชาติจึงเป็น
อีกหนึ่งทางเลือกเพราะผลข้างเคียงและการสะสมสารตกค้างในร่างกายน้อยกว่าสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยา(ศรี
จันทร์,2531)แม้ว่าสมุนไพรมีมากมายแต่มีการศึกษาการออกฤทธิ์ต่อHSVไม่มากนักตัวอย่างสมุนไพรที่ยังไม่มี
การศึกษาต่อประสิทธิภาพในการยับยั้งไวรัสเริมเช่นโมกราชินีสังกรณีตาแยแมวโด่ไม่รู้ล้มและชะมวง
โมกราชินี(WrightiasirikitiaMiddleton&Santisuk)APOCYNACEAEเป็นพืชยืนต้นขนาดเล็กดอกสี ขาวกลิ่นหอมเมล็ดรูปไข่แบนปลายเป็นกระจุกพู่เกาะกันแผ่ออกเป็นรัศมีปลายลู่ลงสู่พื้นดิน(ยุทธนาและคณะ,2546)
สังกรณี(หญ้าหงอนไก่,หญ้าหัวนาค)(BarleriastrigosaWilld.)ACANTHACEAEเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กลาต้นมีขนขนาดเล็กใบเดี่ยวรูปหอกปลายเรียวแหลมมีขนเล็กน้อยดอกเป็นช่อตั้งสรรพคุณต้มน้าดื่มบารุงกาลัง
รากรสชมแก้รอนในกระหายน้าแก้ไข้แก้ไอแก้โลหิตกาเดาดับพิษร้อนถอนพิษ(ยุทธนาและคณะ,2546)
ตาแยแมว(AcalyphaindicaL.)EUPHORBIACEAEรากมีสีขาวสรรพคุณบารุงกาลังและเพิ่มกาลัง
ชาย(สุภาภรณ์,2555) โด่ไม่รู้ล้ม(ElephantopusscaberL.)COMPOSITAEเป็นไม้ล้มลุกลาต้นแข็งตั้งตรงใบเดี่ยวขอบใบ
หยักมีขนปกคลุมทั้งสองด้านดอกเป็นกระจุกสรรพคุณรากและใบแก้บิดขับปัสสาวะแก้ไอรักษาวัณโรคบารุง
กาหนัดแก้ท้องร่วงแผลในกระเพาะ(เศรษฐมันตร์,2553)ชะมวง(GarciniacowaRoxbex)GUTTIFERAEเป็นไม้ต้นเล็กใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามผลเมื่อสุกมีสีแดงเหลืองอมส้มสรรพคุณรากแก้ไข้ร้อนในถอนพิษแก้บิดขับเสมหะบารุงธาตุแก้ไอแก้กระหายน้าเป็นยาระบาย(ยุทธนาและคณะ,2546)ส่วนสารเคมีที่มีการศึกษาถึงประสิทธิภาพในการต้านไวรัสได้แก่flavonoid,triterpene,alkaloid,tannin(นันทวัน,2538)ซึ่งการศึกษาสารสกัดรากพืชในบังกลาเทศeraniumsangniumL.สามารถยับยั้งการจาลองตัวของHSV-1และHSV-2มีค่าEC50=3.6-6.2?g/mlพบว่าสารออกฤทธิ์เป็นกลุ่มflavonoids,catechin,tanninและpolyphenolicacid(SerkedjievaandIvancheva,1999)สารสาคัญจากAlliumsativumLinn.(กระเทียม)คือajoeneและallicinให้ผลในการต้านเชื้อเริมส่วนสารสกัดด้วยmethanolของAloeveraLinn.(ว่านหางจระเข้)มีสารออกฤทธิ์คือAloe-emodinซึ่งเป็นสารกลุ่มanthraquinoneโดยจะไปยับยั้งenvelopedvirus(นันทวัน,2538)ส่วนการศึกษาสมุนไพรในไทยต่อการยับยั้งHSV-1ของMoringaoleifera,AglaiaodorataและVentilagodenticulateพบว่ามีฤทธิ์ต่อต้านสายพันธุ์thymidinekinase-deficiencyHSV-1และphosphonoacetate-resistantHSV-1(Lipipunetal.,2003)นอกจากนี้จากการศึกษาพบว่าBarlerialupulinaLindl.(เสลดพังพอน)มีฤทธิ์ยับยั้งHSV-2(Yoosooketal.,1999)ส่วนClinacanthusnutans(พญายอ)มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ(Kittisiripornkul,1984)สารสกัดน้าจากต้นหมอน้อย(PlantagomajorL.)พบว่าสามารถยับยั้งHSV-1โดยมีค่าEC50เท่ากับ15.3?g/mlและSIเท่ากับ671ส่วนHSV-2มีค่าEC50เท่ากับ87.3?g/mlและSIเท่ากับ118ตามลาดับ(Chiangetal.,2002)ส่วนของเปลือกต้นของกานพลู(Eugeniacaryophyllus(Spreng.)Bullock&S.G.Harrison)
พบว่าeugenolมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลาไส้ขับน้าดีลดอาการจุกเสียดฆ่าเชื้อแบคทีเรียในลาไส้(ปัจจุบัน,2541)
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพสารสกัดจากดอกกานพลูต่อHSV-1ในหนูทดลองร่วมกับACVพบว่าสามารถลดปริมาณ
ไวรัสจากสมองและผิวหนังซึ่งออกฤทธิ์ได้ดีกว่าใช้ยาต้านไวรัสACVเพียงอย่างเดียว(Kurokawaetal.,1995)
ชุมเห็ดเทศ(Sennaalata(L.)Roxb.)จัดอยู่ในวงศ์Leguminosaeในส่วนใบและช่อดอกมีสรรพคุณทาง
สมุนไพรเป็นยาระบายเมล็ดบรรเทาอาการท้องผูกและรักษาโรคผิวหนังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อก่อโรคเริมชนิดที่2ใน
ขั้นตอนก่อนที่ไวรัสจะเข้าสู่เซลล์(ชุตินันท์,2534)เห็นได้ว่าส่วนใหญ่พืชที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสเริมพบการศึกษาวิจัยในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ซึ่งพบว่าการศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรในท้องถิ่นที่มีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสค่อนข้างน้อยด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงมุ่งศึกษาประสิทธิภาพของสมุนไพรในประเทศไทยที่ยังไม่มีรายงานการศึกษาต่อประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสก่อโรคเริมได้แก่โมกราชินีสังกรณีโด่ไม่รู้ล้มตาแยแมวและชะมวงทั้งนี้นาไปสู่การส่งเสริมพึ่งพาตนเองของประชากรในชุมชนทางด้านยาเพิ่มพูนรายได้ในชุมชนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงส่งเสริมและอนุรักษ์พืชสมุนไพรในชุมชนรวมทั้งเป็นองค์ความรู้ในการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นในแต่ละท้องถิ่นจากคนในท้องถิ่นไม่ให้สูตรตารับยาองค์ความรู้ของสมุนไพรในท้องถิ่นสูญหายซึ่งข้อมูลต่างๆเหล่านี้จะเป็นการอนุรักษ์เอกลักษณ์ประเพณีความเชื่อต่างๆในท้องถิ่นที่ผสมผสานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องสืบต่อไป
|
ทฤษฎี สมมุติฐาน กรอบแนวความคิด : | - |
วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล : | 1อุปกรณ์
1.1ขวดเพาะเลี้ยงเซลล์หรือflaskขนาด25cm
1.2จานเพาะเลี้ยงเซลล์ขนาด24และ96หลุม
1.3ขวดDuranขนาด100,250,500และ1000ml
1.4หลอดทดลองขนาดเล็ก
1.5ขวดฝาดาขนาด15และ30ml
1.6บีกเกอร์ขนาด250,500,1000ml
1.7กระบอกตวงขนาด100และ500ml
1.8ปิเปตขนาด1,5,10ml
1.9อุปกรณ์กรองอาหารเลี้ยงเชื้อ
1.10Microcentrifugetube
1.11Pipettetip
1.12Sterilesyringe5ml
1.13กระดาษWhatmanNo.1
1.14แผ่นกระดาษกรองแบคทีเรียขนาด0.22และ0.45?m
2เครื่องมือ
2.1Invertedmicroscope
2.2Autoclave
2.3Hotairoven
2.4เครื่องชั่งอย่างละเอียด
2.5ตู้เย็น
2.6ตู้แช่แข็ง-20?Cและ-85?C
2.7ตู้incubator
2.8Autopipette
2.9Pipetteboy
2.10เครื่องRockingplatform
2.11เครื่องEvaporator
2.12เครื่องLyophilizer
2.13เครื่องVacuumpump
2.14เครื่องcentrifuge
3สารเคมี
1 PhosphateBufferedSaline(PBS)
2 1%Trypsin
3 %EDTA
4 0.1%Trypsin-EDTA
5 10%NaHCO
6 1.5%Sodiumcarboxymethylcellulose
7 0.1%Crystalvioletใน1%ethanol
8 95%และ75%alcohol
9 Sterilewater
10 Dimethylsulphoxide(DMSO)
11 MTTdye
4 อาหารเลี้ยงเชื้อ
1 Growthmedium(GMEM)
2 Maintenancemedium(MEM)
3 Overlaymedium
5 เชื้อไวรัสก่อโรคเริม(herpessimplexvirus)(ได้รับความอนุเคราะห์จากภาควิชาจุลชีววิทยาคลินิกคณะ
เทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
6 เซลล์เพาะเลี้ยง:verocells
7 สมุนไพรที่ใช้ในการทดสอบ:เช่นโมกราชินีสังกรณีตาแยแมวโด่ไม่รู้ล้มและชะมวง
8 สารที่ใช้ทดสอบในการต้านเชื้อจุลชีพ:Acyclovir(9-(2-Hydroxyethoxy)methyl-guanosine),gentamycin,
streptomycin,penicillin
|
คำอธิบายโครงการวิจัย (อย่างย่อ) : | - |
จำนวนเข้าชมโครงการ : | 1079 ครั้ง |